Skip to main content

เว้นวรรค กับย่อหน้า

    


                           


                                        ภาพประกอบจาก www.kanchanapisek.or.th



 



 


            ขอโทษ  หากการเว้นวรรค-ย่อหน้าจะทำให้คนอยู่ตามป่าหญ้า  เกิดความเครียด  รุมทำร้ายใบหน้าตัวเอง  กระทำการอัตวินิบาตกรรมด้วยการถอนหนวดถอนเครา  แล้วกลืนน้ำลายตัวเองเป็นเหยือก   


            เทือกเถาเหล่ากองูดินกินตามหญ้า  มีผู้เขียนร่วมอยู่ด้วยคนหนึ่ง  โคตรบุรีที่หาอยู่หากินด้วยลำแข้งลำขา  สู้หน้ากับดวงอาทิตย์  หลบแสงจันทรา  ออกเดินตัดหญ้าเป็นลำรถ  เลี้ยงควายให้อ้วนพี 


            สู่ที่หมายปลายทาง  ควายทุกตัวทุกโง้งเขาขน


            อ้วน!!


            สู่โรงฆ่าสัตว์  แยกเลือด  เนื้อ  หนัง  กระดูก  หรือเนื้อที่หักอยู่ในกระดูก


            ควาย!!


            สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของคนไทยที่มีชีวิตอยู่ตามป่าหญ้า


            จะได้ชื่อว่าเป็นขาใหญ่ขุนควายจนอ้วนกันทั่วหน้า


            เห็นทิวธงสนับสนุนปี๊บเหลี่ยมจัด  อีแต๋น-อ้ายแต๋น   จักรลูกหมาใส่ล้อ  นานารถไถ-รถบรรทุกไทยประดิษฐ์  สะท้อนรากเหง้าแรงงานในประเทศ  ว่าโอกาสจะขี้เบนส์-บีเอ็มดับเบิลยู(เพื่อนอยู่สุพรรณมีสำเนียงภูมิปัญญาถิ่นฐาน ขี่เป็นขี้จริง ๆ) ลงทุ่งนั้นฝันไปเถอะ 


            คันเดียวกันนี้แหละ  ขี้ลุยโคลนได้ ก็เอาขึ้นมาขี้เชียร์ปี๊บเหลี่ยมจัดได้ 


            นัยว่าตีปี๊บเหลี่ยมจัดเมื่อไหร่  กังวานสะท้านสะเทือนแผ่นดินเมื่อนั้น


            เอ๊ะ  ไปเครียดอะไรมา  ใครเคยตามอ่าน การเดินทางของนักรบ…   คงเห็นความผิดปกติ   ว่าซอกมุม โหย ๆ เศร้า ๆ หวีด ๆ แกมระงมนั้นหายไปไหน …  มาถึงไม่พูดพล่ามทำเพลง


ตะเบ็งเสียงขี้เบนส์สู้โว้ยยย…


            แบบลืมเว้นวรรค


            เว้นวรรคเป็นเรื่องสำคัญ  ทำให้ประโยคไม่กลัดกลุ้มเกินไป  มีลมหายใจโปร่งสบาย  ไม่อึดอัด  ยิ่งย่อหน้าด้วยแล้ว  ยิ่งขาดไม่ได้  ย่อหน้าทำให้ประโยคมีราคาแพงขึ้น  นักเขียน


รู้ดี  แต่คนอยู่ในปี๊บนาน  คงนึกไม่ออก 


            วรรคตอนกับย่อหน้านั้น  เป็นหัวใจสำคัญของรูปประโยค  สู่หัวใจของสาระความหมายได้อย่างไร? 


            (ว่าแล้วย่อหน้าเสียเลย)


            และเป็นหัวใจนักเขียน  ทำให้รูปประโยคมีราคาแพงขึ้นได้อย่างไร


                       


            (ย่อหน้าอีกทีซิ)


 


            ใครต่อใคร  กลุ่มไหนต่อกลุ่มไหน  พยายามหยิบยกคนรากหญ้าขึ้นมาเชิดชู


ชื่นชม  ทั้งปูพรม และต่อตัวต่อตัว   โยงใยไปถึงคุณค่าสาระในความจนยาก  ความเรียบง่าย  นอนบนในที่ยากลำบากอย่างไรก็ได้ 


            ดังว่าเป็นนิยามพื้นฐานการมีชีวิตอยู่บนโลก


            นัยว่าเป็นสาระถึงขั้นแบบอย่างควรวางบนหิ้งเคารพบูชา


            ใครต่อใคร  กลุ่มไหนต่อกลุ่มไหน  พยายามใส่ปุ๋ยให้ต้นหญ้า  ได้แตกยอดออกมันมารับแสงแดดเร็วขึ้น  แม้จะต้องแลกกับยาเร่งใบ  เม็ดเงินที่หว่านลงไป  เพื่อให้หญ้าอ่อนเป็นอาหารของควาย(แก่)เร็วขึ้น  


            ควายจะได้ออกเดินไปโรงฆ่าสัตว์เร็ว


            สาระชีวิตคนในป่าหญ้าเป็นทางออกให้กับชีวิต-โลก-สิ่งแวดล้อมบ้างล่ะ


            สาระชีวิตคนในป่าหญ้าเป็นทางออกให้เกิดการแข่งขัน  สร้างงาน  สร้างเงิน  เปลี่ยนนิสัยกินเม็ดข้าว มากินเม็ดเงินแทนบ้างล่ะ


            หยิบภูมิปัญญาใส่ล้อไปขายต่างเมือง


            สอนให้กินน้ำมัน  แทนกินแรงตัวเอง


            หยิบแรงงานมาขุนเนื้อ  ให้มีกำลังวังชาผลิตเพิ่มเติมค่าราคาขึ้นมาหลายเท่าตัว


                                               


            คนตามป่าหญ้าออกมาเย้ว ๆ  ลงทุนลงแรงเดินทางข้ามเสาหลักกิโล  เมินอากาศอบอ้าว  ไม่ต่อเถียงดวงอาทิตย์  ว่าง่ายไปเป็นทางยาวลิบ ๆ   เพราะผลพวกจากการหว่านปุ๋ยเม็ดเงินลงไปเป็นเวลานาน        ได้เวลาตัดหญ้าใบอ่อนโยนให้ควาย(แก่)กิน 


            โอกาสความภูมิใจของยอดหญ้ามาถึงแล้ว


            ขุนควาย  แปลงร่างควายให้เป็นลูกชิ้น  ควายไม่เคยรู้สึกเสียเวลายามถ่ายโอนชีวิตที่เหลือไปเป็นลูกชิ้น


            คนในป่าหญ้าไม่อยากเว้นวรรค  เพราะไม่มีใครผูกพันกับตัวหนังสือ  ตัวหนังสือไม่นำความมั่งมีศรีสุขมาให้  ไม่อ่านตัวหนังสือเรียงหน้ากันเว้นวรรค  ก็ไม่ได้ทำให้วิถีชีวิตในป่าหญ้าเปลี่ยนไป  คราวนี้ลำบากถึงนักเขียนแล้วแหละ


            เว้นวรรคกับย่อหน้าเท่านั้น  ทำให้ชีวิตเปื้อนหมึก กระดาษมีมลทินอยู่รอดได้