Skip to main content

มาเลิกสูบบุหรี่กันเถอะ

คอลัมน์/ชุมชน

คิด ๆ ดูก็แปลกดี บุหรี่เป็นสินค้าที่ห้ามโฆษณาอย่างเด็ดขาดในประเทศไทย แต่ก็ยังขายได้ขายดี แม้จะมี การรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่กันมานานอย่างต่อเนื่อง แต่คนไทยทั้งชายและหญิงก็ยังคงสูบบุหรี่กัน ที่น่าตกใจก็คือผู้หญิงไทยหันมาสูบบุหรี่กันมากขึ้น จะเพื่อให้คนอื่นมองว่าถ้าสูบบุหรี่แล้วจะทำให้เป็นผู้หญิงเก่ง กร้าว แกร่ง มั่นใจมาก ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้


หลังจากที่มีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่กันมาหลายรูปแบบ ล่าสุด บนซองบุหรี่ทุกซองที่ขายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ไทย หรือบุหรี่นอกตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม นี้ ก็ต้องพิมพ์ภาพเตือนบนซอง ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพที่เห็นแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย รวมทั้งสิ้น 6 ภาพ ที่ชี้ให้เห็นถึงโทษของบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็น ทำให้แก่เร็ว มีกลิ่นปาก เป็นมะเร็งปอด เป็นถุงลมโป่งพอง ควันบุหรี่ทำร้ายคนใกล้ชิด ทำให้ผู้อื่นตายได้


การพิมพ์ภาพที่แสดงโทษดังกล่าวลงบนซองบุหรี่ นับเป็นการใช้ช่องทางการสื่อสารที่ใกล้ชิดกับเหล่าผู้สูบบุหรี่ที่สุด สื่ออื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ถ้าไม่อยากเห็น ไม่อยากรู้ ก็ไม่ต้องดู ไม่ต้องอ่าน แต่การพิมพ์ภาพเหล่านี้ลงบนซอง...ยังไงทุกครั้งที่หยิบบุหรี่มาสูบก็ต้องเห็น เว้นเสียว่าจะหากล่องเก๋ ๆ มาใส่ซองบุหรี่อีกที


การรณรงค์นี้จะได้ผลหรือไม่ ?? ผลที่คาดว่าจะได้รับคงไม่ใช่แค่ในระดับทำให้ผู้สูบบุหรี่หรือผู้ที่กำลังจะเริ่มสูบบุหรี่ เกิดการตระหนักถึงโทษของการสูบบุหรี่ เพราะเชื่อว่าทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าบุหรี่มีโทษอย่างไร (ไม่เชื่อถามเด็ก 5 ขวบดูก็ได้) แต่ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการรณรงค์นี้คือให้เลิกพฤติกรรมการสูบบุหรี่ แต่ถึงจะมีการตอกย้ำให้เห็นอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ ก็คาดว่าผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้วส่วนใหญ่ก็ยังคงสูบต่อไปนั่นแหล่ะ แต่ก็หวังว่าจะทำให้บางคนเกิดการตระหนัก ลด...เลิกได้บ้าง ก็ทุกครั้งที่หยิบซองออกมาจะหยิบบุหรี่สูบก็เห็นภาพว่าสูบแล้วตาย สูบแล้วแก่ สูบแล้วแย่กับคนที่รัก ก็หวังว่าคงจะลด และเลิกสูบได้สักวัน


อย่างไรก็ตาม การรณรงค์นี้น่าจะมีผลมาก ๆ กับผู้ที่จะเริ่มสูบบุหรี่ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ริอยากจะสูบ เพราะการสูบบุหรี่มันคงไม่เท่แน่ ๆ ในเมื่อรูปภาพบนซองก็เห็นอยู่ว่าสูบแล้วจะเป็นอย่างไร หรือถ้าคิดจะซื้อ รูปบนซองก็น่าจะทำให้เกิดความกลัว ( ตาย) ได้บ้าง


หากย้อนอดีตไป การรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ที่ทำในระยะแรก ๆ จะเน้นที่โทษของบุหรี่ที่จะเกิดกับผู้สูบ เช่น ทำให้เป็นมะเร็ง ทำให้เป็นถุงลมโป่งพอง แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก ก็คงเป็นเพราะผลร้ายเหล่านั้นมันไม่เห็นผลทันตา และเป็นผลที่จะเกิดกับผู้สูบเอง (ซึ่งคงไม่รักตัวกลัวตาย ก็ถ้ารักคงไม่สูบเอา สูบเอาหรอก)


ดังนั้น การรณรงค์ในระยะต่อมาจึงเน้นโทษของบุหรี่ที่จะเกิดกับบุคคลที่รัก เนื่องจากควันบุหรี่ไม่ได้ทำอันตรายเฉพาะผู้สูบเท่านั้น แต่ทำร้ายคนใกล้ชิดที่สูดควันเข้าไปด้วย ซึ่งก็เริ่มได้ผลกับผู้ที่รักครอบครัว รักลูก และเมื่อมีการรณรงค์ให้เห็นถึงโทษของควันบุหรี่


ทางด้านผู้ผลิตบุหรี่ก็ได้พยายามหาทางแก้ไข เช่น ในสหรัฐอเมริกา บริษัทผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ชื่อบริษัทอาร์เจ เรโนลด์ส โทแบคโก ได้ผลิตบุหรี่ไร้ควัน ยี่ห้อพรีเมียร์ ออกขาย เมื่อประมาณ 15 ปี ที่แล้ว แต่ถ้าใครอยากซื้อมาสูบก็เสียใจด้วย เพราะบุหรี่ยี่ห้อนี้เลิกผลิตไปแล้ว เนื่องจากสิงห์อมควันทั้งหลายให้ความเห็นว่าการสูบบุหรี่ ถ้าไม่มีควันก็ไม่ใช่การสูบบุหรี่ บุหรี่ยี่ห้อนี้จึงไม่นิยม จนต้องเลิกขายไปในที่สุด หรือในประเทศญี่ปุ่นก็มีการผลิตเครื่องดูดควันบุหรี่โดยเฉพาะชื่อบุน- เอ็น ซึ่งเขาทำโฆษณาออกมาบอกว่า เป็นเครื่องดูดควันบุหรี่ที่ทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่สามารถอยู่ร่วมห้องกันได้อย่างมีความสุข...แต่จะจริงแท้แค่ไหน ไม่เคยลองใช้เลยไม่อาจทราบได้ เพราะคนที่อยู่รอบข้าง ล้วนแต่เป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่


ขอจบท้ายด้วยโฆษณาทางโทรทัศน์ชิ้นหนึ่งของอินเดียเมื่อ 2-3 ปีมาแล้ว ที่ดูแล้วชอบมาก (ในฐานะคนที่ไม่สูบบุหรี่) เปิดเรื่องด้วยภาพคนบนรถเมล์ ซูมภาพที่ชายแก่นั่ง และชายหนุ่มสูบบุหรี่ยืนเกาะเก้าอี้ที่ชายแก่นั่งอยู่ ชายหนุ่มสูบบุหรี่พ่นควันอย่างไม่สนใจ แม้ว่าชายแก่จะเงยหน้าขึ้นมองหลาย ๆครั้ง จนในที่สุด ชายแก่ก็สะกิดชายหนุ่มแล้วลุกให้นั่งแทน ซึ่งตรงนี้ ทำให้เราคิดว่าชายแก่คงจะรำคาญที่เจ้าหนุ่มพ่นควันใส่อยู่ได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ โฆษณาชิ้นนี้หักมุมโดยมีเสียงพูดขึ้นว่า เมตตาให้คนสูบบุหรี่นั่งเถิด เพราะเขาคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน...


อยากมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขไปนาน ๆ มาเลิกสูบบุหรี่กันเถอะ