ได้เวลาเมล็ดบิน
คอลัมน์/ชุมชน
พายุฤดูร้อนปรากฏตัวขึ้นกลางฤดูร้อน กรมตุตุ (เขียนถูกครับ) พยากรณ์อากาศจะทึกทักด้วยเหตุผลเชิงตรรกะ ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวเป็นฤดูร้อนก็ตาม แต่ร้อนตับแลบกันมาตลอด อากาศหนาว ๆ หดสั้นลงอย่างน่าใจหาย หน้าร้อน--ยึดพื้นที่ไปแทบทุกส่วนแดนดิน
ร้อนอึด ร้อนทน ร้อนนาน จนได้ยินแต่เสียงบ่นอุบ บ่นหนักบ่นเบา บ่นฉิบ.. ร้อนฉิบ..
กระนั้น ฤดูร้อนก็ยังเป็นฤดูร้อน ยังต้องวนผ่านมาบนโลกใบนี้ วนมากับคลื่นพายุ วนมาแบบห่ามๆ ฟาดเปรี้ยงตามด้วยสายฟ้าฟาด แล้วเสียงฟ้าก็ครางฮึ่ม ๆ ต่อเนื่องไปอีก แล้วต่อด้วยแสงแปร๊บ ๆ ๆ อย่างกับฝีมือวายร้ายจอมพลัง แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
บ่อยครั้งที่คลื่นพายุฤดูร้อนมาในมาดนุ่มนวล เริ่มต้นด้วยลูบพุ่มใบไม้เบา ๆ ทำให้ยอดไผ่หัวหมุน ส่ายโยกย้าย ส่งเสียงแซ่ๆซ่าๆ ดูเพลิดเพลิน แต่ไม้ใหญ่ยืนทนงไม่หวั่นไหว ยืนต้นตรงแหน็วตั้งฉากกับพื้นโลก ท้าพายุ
พลังมหาศาลอยู่ในเรือนร่างต้นไม้ใหญ่ ไม่ล้มจบเห่ได้ง่าย ๆ เอื้อนเอ่ยวาจามธุรสคำหวานตรึงใจ ให้คนผ่านไปมาได้ซาบซึ้งอยู่นั่นแหละ
-แก่แล้วรูปทรงยังสวย ยังดูดีเน่อ
-ดูสิ ยิ่งแก่ยิ่งสง่า ราศีจับ อยู่กันไปนาน ๆ เน่อ
-ดูเปลือก กิ่ง ก้าน ใบ โห ผ่านโลก ผ่านโรคนานา ยังให้ร่มเราร่มเย็น
-นกผ่านมาจับเกาะ มดแมงได้อยู่อาศัยขอใบบัง
-ออกลูกที่ไหนนะนี่ อยากเก็บไปทำพันธุ์
- ฯลฯ
ดังนั้น พายุฤดูร้อนจะมาแบบเหนียมอายโยกย้ายยอดไผ่ หรือโครมครามห่ามขย่มทุกอย่างที่ขวางหน้า และอาจต้องยอมสลัดก้านกิ่งใบ เพื่อรักษาส่วนลำต้น แต่ดูเหมือนว่า ไม้ใหญ่ไม่หวั่นไหว ไม่แสดงอาการโกลาหลออกหน้าออกตา
กลับนิ่งเงียบ รักษารูปกายภาพไว้อย่างแม่นมั่น
ผมชอบยืนมองไม้ใหญ่ยืนต้านลมแรง ผมไม่ค่อยรู้สึกว่าไม้ใหญ่กำลังยืนสู้ลม กลับเห็นไม้เล็กไม้น้อย ไม้หนุ่มไม้สาวมากกว่า สู้ลมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย พลั้งพลาดเผลอเรอไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนสายลมสอยหั่นเป็นชิ้น ๆ
อย่างไรก็ตาม ไม้หนุ่มไม้สาวก็มีไม้ตายไว้ต่อกร ตรงที่ความโอนอ่อน ลู่ลม เล่นลม ผ่อนตามแรงที่ซัดเข้ามาทุกทิศทุกทาง จนบางครั้งกิ่งก้านฉีกขาด หักฟาดพื้น ซึ่งผมเห็นเป็นอวัยวะฉีกขาดมาจากลำต้นทุกครั้ง (เป็นสาหัสกรรมมองโลกอีกแบบหนึ่ง)
ถึงกระนั้น ไม่นาน อวัยวะฉีกขาดก็ได้รับสมานบาดแผลด้วยกาลเวลา พร้อมกับงอกอวัยวะเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
พายุ ทำให้ไม้หนุ่มไม้สาวม้วนต้วนเติบโต
มุมมองอย่างนี้อธิบายซ้ำกันมา จนกลายเป็นปรัชญาปรัชโยงมีกลิ่นอบเชยจางๆ
ได้เวลาเมล็ดบิน
หลังเลือกตั้ง ส.ว (สภาวงศ์ศาคณาญาติ-สภาเสียวโว้ย-สภาสู้โว้ย-สภาวี๊ดว้าย..) 2 วัน ผมเห็นเมล็ดบิน จึงได้ยินเสียงทะลุขึ้นกลางอก อย่างไม่มีเหตุผล ได้เวลาเมล็ดบิน
เจ้าเมล็ดที่ผมว่า คือเมล็ดพยอม ที่ขึ้นงอกงามหนาใหญ่ราศีผ่องจับอยู่หลังบ้าน หลังส่งกลิ่นหอมโชยกลางหน้าร้อนต่อเนื่องกันหลายวัน เป็นที่ชุมนุมของจักจั่น
ในบรรยากาศรุกไล่นายกทุศีล เฮ้ย นายกทักษิณ เป็นไปอย่างเข้มข้น เจ้าพยอมใหญ่กลับทิ้งดอกเหลืองโปรย
โชยกลิ่นหอมรวยรินไปทุกทิศทาง
หลังเลือกตั้ง ส.ว 2 วัน (อีกที) เจ้าเมล็ดพยอมติดปีกบินพรึ่บ หมุนติ้วๆ ตามลม มืดฟ้ามัวดิน อย่างกับฝูงแมงเม่าตีปีกยิบยับ ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน ผมทนไม่ไหว ต้องวิ่งออกไปไล่ คอยยื่นมือรับเมล็ดก่อนตกถึงพื้น อย่างกับท่าทางเด็ก ๆ
เหล่าเมล็ดมีปีกอีกจำนวนมาก พยายามบินเหินไปกับลมแรงให้ไกลที่สุด แต่มีเมล็ดจำนวนหนึ่ง ตกเกลื่อนใต้ต้น อยู่ในร่มเงากางกั้นแดด ตระหง่านอยู่กลางดินฟ้าอากาศ
มันคงออกแรงใช้พลังชีวิตกันนานทีเดียว กว่าจะมุดโผล่ออกมาจากร่มเงาต้นแม่ เติบโตอยู่ใต้ร่มเงาแม่ เงาแม่พยอมบดบังไว้มิดชิด
วันกากบาท ส.ว วันนั้น กฎข้อหนึ่งที่ผมตั้งไว้แม่นมั่น ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง คือไม่เลือกคนที่เปรียบเสมือนหน่วยไม้ที่งอกใต้ร่มเงาแม่ ผมเลือกพยอมหนุ่มที่เติบโตเหยียดเรือนยอดอยู่กลางแดดเปรี้ยง โต้ลม ให้นกเกาะ บางเวลามีกระรอกควงคู่กันมานั่งเดาะพูหาง
ผมไม่เชื่อ ว่าเมล็ดที่เติบโตขึ้นใต้ร่มเงาดินแดนอันสุขสบาย จะมีความคิดกว้างไกลมากไปกว่า อาณาบริเวณร่มเงาต้นแม่กางครอบหัวอยู่