Skip to main content

ศิลปะแห่งการใช้ชีวิต

คอลัมน์/ชุมชน

ไม่ว่าจะเป็นใคร เราเกิดมาพร้อมด้วยเวลาที่ติดตัวมาเท่ากัน…ยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน


 


ภายใต้เงื่อนไขแห่งเวลา หนุ่มสาวที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการงานมักรำพึงว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำอะไรได้ไม่เสร็จดั่งใจ ในขณะที่ผู้สูงอายุวัยเกษียณกลับบ่นไปว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่เหลืออยู่หากแต่ปราศจากภาวะ "เร่งรัด" หรือ "เร่งเร้า" ของโลกที่หมุนไปภายใต้เงื่อนเวลาในหนึ่งวัน


 


น่าจะเป็นธรรมชาติในความธรรมดาตามกฎเกณฑ์แห่งเวลาที่ทำให้วันหนึ่งๆผ่านไปไวเหมือนติดปีกสำหรับคนที่กำลังตกเป็นทาสของภารกิจชีวิตโดยสุจริตและสมัครใจ ชีวิตที่ยังต้องระเริงอยู่ในวังวนของงานการ ภาระ หน้าที่ สังคมและเงิน ทำให้วันคืนของมนุษย์เงินเดือนผ่านไปเร็วจนแทบตั้งสติไม่ทัน และบางครั้งในหลายครั้งที่บางคนต้องมานั่งเสียใจกับหลายๆอย่างที่น่าจะทำเมื่อสายเกินไป โดยเฉพาะการให้เวลากับผู้สูงอายุที่เป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายหรือผู้ใหญ่ในครอบครัว เรามักวุ่นวายกับงานหรือปล่อยเวลาสำคัญผ่านเลยไป ส่วนใหญ่มักรำลึกได้เมื่อวันแห่ง "ความสูญเสีย" มาถึง…หมดปัญญาที่จะย้อนเวลากลับไป


 


พินิจเชิงเปรียบเทียบการใช้ชีวิตก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่มีชีวิตของใครจะมีความสุขหรือต้องทุกข์ตลอด หลายครั้งพบว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับตัวเราที่ต้องปรับตัวปรับความคิดและยอมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านหนึ่งที่เลือกได้ "ตัวเรา" เลยทำหน้าที่คล้ายจิตรกรที่สามารถรังสรรค์แต่งสีให้ตัวเองมีชีวิต มีความสุข หรือจะซ้ำเติมตัวเองด้วยความเศร้า ให้หมองหม่นหดหู่เพียงไรก็ย่อมได้เช่นกัน


 


ภายใต้กฎหนึ่งวันที่มียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าๆกัน นักจิตวิทยาแนะวิธีบริหารเวลาไว้ว่า ให้แบ่งเวลาออกเป็นสูตร  "8x3" แปดแรกหมายถึงแปดชั่วโมงสำหรับภารกิจหลักไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการงาน แปดที่สองสำหรับการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ และแปดที่สามเป็นแปดชั่วโมงแห่งศิลปะชีวิตที่ควรสำรองไว้เติมสีสันให้แต่ละวันมีคุณค่าและเต็มความสุข


 


ชีวิตเหมือนการเดินทางเมื่อเริ่มเหนื่อยก็อยากเจอโอเอซิสให้หยุดพัก เวลาแห่งการเติมศิลปะให้ตัวเองก็ไม่แตกต่างจากเพิ่มพื้นที่โอเอซิสให้ชีวิต มีความสำคัญและไม่ยากหากอยากจะเริ่มทำ อาจหมายรวมถึงการทำงานอดิเรกที่ชอบ การออกกำลังกาย การใช้เวลาร่วมกับครอบครัว หรือการให้เวลากับคนพิเศษ การปลีกตัวเองไปหาความวิเวกแห่งจิตใจ รวมไปถึงการให้เวลากับกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อความสุขและอิ่มเอมใจจากการอุทิศตัวเพื่อส่วนรวมมากกว่าการให้ค่าความสำคัญกับค่าจ้างที่เป็นรูปธรรมกันตลอดเวลา นอกจากนั้นยังมีสารพัดวิธีระบายสีชีวิตให้สดใสแบบง่ายๆ ทั้งพักงานแล้วหนีไปเดินเท้าเปล่าตามหาดทรายหรือพื้นหญ้าสีเขียว ใกล้ชิดธรรมชาติด้วยการไปนอนดูดาว


 


สัปดาห์นี้เป็นวันวิสาขบูชา วันสำคัญทางพุทธศาสนาของไทย นอกเหนือจากได้หยุดกันหลายวัน ถ้ามีเวลาชวนกันปลีกตัวเองหรือชวนคนที่รักไปหาความสงบให้ใจบ้างก็ไม่เลว อย่าลืมปิดเครื่องมือสื่อสารเพื่อให้ใจได้พักเต็มที่ ทบทวนชีวิตและลำดับความคิด ทั้งกายและใจจะได้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่ว้าวุ่นเหมือนที่เคย


 


แปดชั่วโมงแห่งการเติมสีให้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญเพราะทำให้ได้ใช้เวลาที่ผ่านไปอย่างมีคุณค่ามากขึ้น มากไปกว่าการทำงานและทำเงินเพียงอย่างเดียว จนสุดท้ายไม่เห็นอะไรมากไปกว่าภาพตัวเองเป็นเครื่องจักรที่มีชีวิต


 


สัจธรรมที่ว่าการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตยังคงใช้ได้ดีแต่คงไม่สมบูรณ์หากปล่อยให้งาน "ทำ" เราจนไม่ได้พักผ่อน สูญเสียความเป็นตัวเองและอาจต้องเสียใจกับสิ่งที่ต้องสูญเสียเมื่อสายเกินไป


 


ขอให้มีความสุข สนุกกับการเติมศิลปะและการหาโอเอซิสให้ชีวิตในวันหยุดที่มาถึง