Skip to main content

หลุด (4) หลุดขรึม กวีล้อมกวี


 


กวี คำนี้ท่านได้แต่ใดมา  จะมอบให้กันง่ายๆได้อย่างไร  ใครควรมอบตราตั้งใครให้เป็นกวี


 


กวีหวานอม--ขมอม พูดทีเล่น ทีกลืน ปราศจากฉันคือเธอ  ว่าไปเถอะกวี


กวีมีความงามติดตัวมาแต่ชาติปางก่อนอย่างนั้นหรือ?


จ้างก็ไม่เชื่อ  ใครนะคิดวาทะชวนตีขึ้นมาเดาใจ


บทกวีมีเรื่องราวให้คุกรุ่นคุ้นเคยหรือไม่  จนล่วงใจสัมผัสได้อย่างเปิดกว้างไพศาล


 


หลุดยกที่ 4 มาแปลก  ทิ้งเด็กให้อยู่ตามลำพัง  หนีเที่ยวไปตามภาษากวี  เพราะปรารถนาอยากเขียนถึงกวี


ภาพบอกกันในที่แจ้ง  ว่าใบหน้ากวีเป็นเช่นนี้เอง  มองโกลอยโดยรากเหง้ากำเนิด  แม้ออกไปทางแขก(คนกะเหรี่ยงแถบน้ำสาละวินเรียกกอลาซู--ฝรั่งดำ) นัยยะพาเพลินมีส่วนผสมของลูกหลานซาไกกับจีนโพ้นทะเลครั้งกระโน้น


เป็นกวีในที่สุด


เรียกใคร? ยื่นกล้องให้ใคร? ถ่ายภาพหนอ นึกไม่ออกอีกหลายคนมากับลำเรือ 


บนลำเรือ  บนลำน้ำสาละวิน  แม่น้ำจากแดนหิมะ  ไหลราวเป็นดอกบัวเหล็กบาน


กระเพื่อมมาเหนือทั่งทองคำ  ส่งเสียงครวญครางเรื่อยไปในรางหินทองคำ  ไปโผล่ยังอ่าวเมาะตะมะอันดามัน


ซ้ายกวี ขวาก็กวี  กวีล้อมกวี  ภาษารุ่นเด็กฮิบจะว่าอย่างใด บอกใจโจ๋จริง ได้มั้ย 


 


พิทักษ์  ใจบุญ เคลิ้มกับแม่น้ำผ่านกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหว  เหมือนกำลังร่ายมนต์ดำใส่แม่น้ำ มีคอลัมน์ประจำชื่อ คนอื่นบอกข้าพเจ้าว่า ใน all magazine 


 


ศิริวร  แก้วกาญจน์  เฉียดเส้นยาแดงเข้าวินซีไรต์มาสามครั้งสามครา 


เรื่องสั้นเล่มล่าสุด ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่นๆ  งานเขียนขบวนนี้  เด็กฮิบอ่านได้  เด็กโตและโต๋ขอบแน่ๆ ไม่เด็กยิ่งอ่านดี 


 


ผมชอบและชื่นชม


อรรถรสเรื่องเล่าอันหลากหลาย  มีกลิ่นสะตอแกล้มบูดู บนเนินทรายที่มีปูลมแล่น (เขียนถูกครับ  บางปูก็แล่นได้เหมือนรถแล่น) ฝ่าคลื่นลม


 


คนนั่งกลางไม่บอกก็รู้  "ไม่รู้ไม่เป็นไร  เป็นความลับ"  ลูกชายเขาวัย 6 ขวบกว่าชอบพูดประโยคนั้น  ขณะล่องแม่น้ำ--ทิ้งไว้ที่บ้าน


 


กลับไปอีกครั้ง "หลุด" คราวหน้าล่ะน่าดู


เป็นกวี  เริ่มต้นเหมือนไม่เริ่มต้น  ไม่ได้วางแผนจะเป็นกวี  เหมือนมวลสารเหนียวหนืดและดื้อบางอย่าง  สลักปักลงใจกลางเวิ้งว้างแผ่นดินกว้างไกล  เหมือนมีเสียงกระซิบบอกให้ออกเดินไปข้างหน้า  ไปเก็บเอาสำเนียงอันแปลกเปลี่ยว  เอกาปนเปื้อนแรงบันดาลใจ  ซึ่งบางถ้อยคำอนุญาตให้เหล็กไนในจินตนาการ เจาะชอนไชหยั่งถึง 


นำมาเป็นของของขวัญให้หัวใจตัวเอง


 


กวีมักมีหัวใจไม่เต็ม แหว่งวิ่น  บาดเจ็บเป็นนิจ   จึงต้องเดินตามฝัน  เสาะหาชิ้นส่วนหัวใจที่หายไป  นำมาต่อเต็มให้หัวใจเต็มเปี่ยม 


แล้วกวีจะมีชีวิตรอดได้


อันที่จริง กวีควรตายมาตั้งแต่กำเนิด  สิ่งที่เขาหลุดรอดประกอบเป็นชีวิต  เป็นซากดีๆ นี่เอง  แต่บังเอิญเดินได้มากกว่าสองเท้า


 


กวีอาจกินอาหารไม่ครบห้าหมู่  หนักเนื้อหรือหนักผลไม้  หนักจับลมใส่กระเพาะ


หรือหนักยัดแอลกอฮอล์  หนักชากาแฟ  หนักเมฆหมอก ดาว เดือน … ล้วนเป็นเงื่อนไขให้กวีทำงานได้ทั้งนั้น


 


ถึงอย่างไร  กวีเดินด้วยซากที่ตายมาแต่กำเนิด  เขาเดินตามหาหัวใจส่วนที่ขาดหายไป  แล้วเดินทางร่วมกับมนุษย์อื่นๆ  สู่ที่หมายในห้วงเวลาแสนสั้นแห่งจักรวาล


 


กวีอาจเดินช้า


กวีอาจไม่ชอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเหล่ารัฐมนตรี  นักรบขุนศึก  แพะที่โดนจับเซ่นสังเวย  ม้าตัวที่นำนักรบไปฆ่าคนในหมู่บ้านที่ไม่เคยรู้จัก ..


 


กวีอาจศรัทธาวิถีทางของนักบวช


กวีไม่ใช่นักบวช


แต่กวีอาจบวช


 


อยู่บนเรือ  ด่ำอารมณ์อัศจรรย์แม่น้ำที่ไหลมาในรางหินทองคำ  พลังของแม่น้ำขับเคลื่อนดอกไม้เหล็กไปสู่ที่หมายแห่งหนใด 


เหมือนชีวิตหนึ่ง


เรือลอยลำในรางหิน  ลอยลำไปในดินแดนของนักรบที่ปรารถนาสูงสุด อยู่ที่ชัยชนะเหนือกระบอกปืน  และเสียงของการห้ำหั่นข้ามวันข้ามคืน


 


กวีสงสัยว่า  นั่น เป็นหัวใจประเภทไหน


หัวใจกระหายเลือด


หิวสงคราม


 


ไม่มีใคร กลุ่มไหนบอก ไม่กระทำการเพื่อปกป้องตัวเอง


ไม่มีใคร ไม่ปรารถนาจะยุติเหนี่ยวไกห้ำหั่นใส่กัน


นักรบไม่ชอบหัวใจกวี


เมื่อกวีท่องมาถึงแดนเดือด ณ ถิ่นการเดินทางของนักรบที่ไม่มีใครรู้จัก


 


กวีควรเขียนเรื่องใด ปลอบใจตัวเอง  หากบังเอิญคนอื่นมาอ่านเจอ  ได้แรงปลอบสะท้อนกลับไปด้วย  กวีจะมีความสุขหรือไม่?


 


วันนั้น  เราเลื่อนไหลไปตามน้ำ  ท่ามกลางแสงแดดแรง  แสงสะท้อนแม่น้ำยิบยับ  เหมือนประกายถ้อยคำตะโกนข้ามฟากฝั่ง 


การเกิดขึ้นของโลกใบนี้ช่างน่าอัศจรรย์


เราแค่สิ่งมีชีวิตตัวกระจ่อย  ที่เติมตามธารหิมะในยุคดึกดำบรรพ์  เจาะทะลุทะลวงออกไปสู่แผ่นน้ำอันเวิ้งว้าง


 


พิทักษ์ เขียนแม่สาละวินด้วยหัวใจที่บรรจุใส่กล้องเก็บรูปตลอดเวลา  เขาคงคิดเกินเลยไปมากกว่านั้น  แต่ทว่า  อยู่ในความเงียบงัน


เราค่อนข้างแสดงท่าทีเรียบร้อย ละมุนละไมยามนั่งอยู่บนพื้นผิวแม่น้ำ


 


กวีล้อมกวี  ควรพูดคุยกันถึงเรื่องใด


ย่อมไม่ใช่เรื่องกลลวง  กลวิธีประหัตประหารกันอย่างแน่นอน 


เราต่างเงียบ 


ขณะเรือยังมุ่งหน้าสู่ฟากฝั่งดวงอาทิตย์ตกดิน  


เรายิ่งเงียบ