Skip to main content

เรื่องบนเตียง

คอลัมน์/ชุมชน

...นายอรัญ พันธ์มาลี นอนซมอยู่บนเตียงโรงพยาบาลหลังถูกนางสิริภรณ์ เมียสาวใจเด็ด คว้ากรรไกรตัดเจ้าโลกหวิดขาด เหตุเพราะสามียั่วโมโห ( ไทยรัฐ 30 พฤษภาคม 2548


… เจ้าอาวาสฉาววัดดอนใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี นั่งเอามือกุมขมับ หลังถูกจับขณะเสพเมถุนกับ น.ส.ดาว( นามสมมุติ) นักศึกษาสาวในเบาะรถกระบะ ต่อหน้าตำรวจ( ไทยรัฐ 30 พฤษภาคม 2548)


...เหตุเกิดบนห้องนอนชั้นบนของหอพัก บุกยิง " คู่กิ๊กผัว" แล้วฆ่าตัวตาย ( ไทยรัฐ 28 พฤษภาคม 2548)


… กรรมการสตรีขึ้นโรงพักเมืองคอนแจ้งความนางนกล่อเหยื่อวัย 15 ให้เพื่อนชายข่มขืน เผยสังคมเสื่อมหนัก กอดจูบกลางห้างแล้วมั่วสุมในหอพัก ( ผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2548)


… กระแสข่าวฉาวภาพจุ๊บปากสุดสยิวของวิ๊กกี้ สุนิสา เจ็ทท์กับแฟนหนุ่มยังไม่ทันจางล่าสุดกระฉ่อนอีกครั้งเมื่อมีภาพลับของ " แตงโม" ดาราสาววิกหมอชิต นอนกอดกับแฟนหนุ่ม " ด็อจ" ไปแผ่หราบนหน้าหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ( ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤษภาคม 2548) ฯลฯ


ประเด็นที่สามารถเรียกร้องความสนใจ หากมีจุดเริ่มต้น จุดกึ่งกลางหรือจุดสิ้นสุดเกี่ยวข้องกับ ภารกิจบนเตียง ร้อยทั้งร้อยเห็นทีจะได้เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ เป็นข่าวหน้าหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็ได้รับการพูดถึงในรายการข่าวตอนเช้า หรือถูกตั้งเป็นประเด็นสนทนาในรายการทีวีตอนดึก


ยิ่งถ้าประเด็น " บนเตียง" มีมูลเกี่ยวพันกับความหึงหวง รุนแรง ดุด่าตบตี พระ ไฮโซ คนดัง ดาราหรือนักการเมืองที่คุ้นหน้าคุ้นตา ก็ยิ่งเพิ่มแรงปะทุความสนใจกลายเป็นข่าวปะทะอย่างโจ๋งครึ่มผ่านพื้นที่สื่อ


ความถี่การเสนอข่าวบนเตียงอย่างต่อเนื่องทำให้ภาพลักษณ์ของสถาบันหนังสือพิมพ์ไทยนำเสนอได้แต่ " ข่าวขยะ" ในสายตาของคนส่วนใหญ่ ลืมไปได้กับที่เคยเรียนมาในศาสตร์แห่งสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะหลักการรายงานข่าวเชิงลึก ตีความหรือสืบสวนสอบสวนในประเด็นทุจริตคอรัปชั่นและผลประโยชน์ของชาติ พอหลุดจากรั้วมหาวิทยาลัยก็เหมือนว่าอุดมการณ์วิชาชีพจะถูกกลืนไปพร้อมกับความเป็นจริงในสังคมที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องบนเตียงกลับเป็นเรื่องที่ " น่าสนใจ" (อย่างมาก) สำหรับคนส่วนใหญ่ซึ่งเป็น " ผู้อุปการะ" ให้ธุรกิจขายข่าวอยู่รอด


นอกจากนั้นยังรู้สึกปลอดภัยกว่ากันหลายเท่าเมื่อเทียบกับการหัวปักหัวปำรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติหรือเสียเวลาไปกับการกัดไม่ปล่อยประเด็นบ้านเมืองสำคัญที่ดันไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตระดับรัฐมนตรี


ไม่น่าแปลกใจที่ " อุดมการณ์" ทางวิชาชีพจะหายไป เพราะถูกแทนที่เรียบร้อยโรงเรียนรัฐด้วย " อุดมกิน" และ " อุดมกู"


อย่างที่ว่า...ตัวใครตัวมันนั่นแหล่ะหนา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี..... ???


บนเส้นตรงบาง ๆ ในวิถีสื่อมี 2 ขั้ว ข้างหนึ่งเป็นจรรยาบรรณตามหลักการแห่งวิชาชีพแต่กลับสวนขนานกับอีกข้างซึ่งเป็นหนทางสู่ความอยู่รอดจากการดำเนินธุรกิจที่มีฟันเฟืองเป็นกำไร สปอนเซอร์และจำนวนคนอ่าน จึงเป็นการยากที่คนทำสื่อจะสามารถยืนบนกึ่งกลางเพื่อรักษาเอกภาพสมดุลเพื่อหน้าที่สื่อตามอุดมการณ์ในขณะที่ต้องตอบโจทย์ความสนใจในข่าว " กระแส sex" ที่มาแรงเป็นอันดับหนึ่ง


รูปแบบของการนำเสนอข่าว " เบา ๆ" (soft news) ที่เน้นการกระตุกอารมณ์ด้วยเนื้อหาแบบ " บ้าน ๆ" จึงมีมากขึ้นตามสื่ออย่างช่วยไม่ได้โดยเฉพาะบนหนังสือพิมพ์ ทั้งข่าวดาราขายเอ็กซ์ วัยรุ่นระเริงเซ็กส์ นักการเมืองมั่วกาม พระเสพสังวาส หรือข่าวประเภทไวอะกร้าเพิ่มพลังคุณปู่วัยดึก ข่มขืนรายวัน ยกพวกตีกันทุกเปิดเทอม ลงข่าวเมื่อไหร่กลับเป็นที่สนใจขายได้หมดยกแผงในเวลารวดเร็ว ฯลฯ


ส่วนสีสันของข่าวจะเลยเถิดไปขนาดไหนก็เริ่มลุยกันตั้งแต่ละเลงคำในพาดหัว ลีลาโปรยข่าวและเนื้อข่าวที่กระชากความรู้สึก ซึ่งหลายต่อหลายครั้งพบว่า ข้อมูลนั้นถูกระบายป้ายสีสวนทางกับข้อเท็จจริง


น่าสังเกตตรงที่แม้ข่าวเน้นเนื้อหาสาระอย่างข่าวหนัก (hard news) พวกข่าวการเมือง เศรษฐกิจ ต่างประเทศหรือข่าวคุณภาพชีวิต จะขายได้ ( ดี) กว่าถ้ามีประเด็นเรื่อง sex หรือประเด็นเฉี่ยวเตียงผสมเป็นน้ำจิ้มอยู่ก็จะทำให้บริโภคข่าวคล่องขึ้นกว่าเสนอเนื้อหาหนัก ๆ แบบแห้ง ๆ


ตามหลักวารสารศาสตร์ องค์ประกอบของความ " เป็นข่าว" (news element) ย่อมเป็นเรื่องราวข้อเท็จจริงที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต เช่น สถานการณ์ภาคใต้ การขึ้นราคาน้ำมันดีเซล การสอบเข้ามหาวิทยาลัยระบบแอดมิชชั่น การขึ้นภาษีสรรพสามิต ไปจนถึงการพยากรณ์อากาศหรือการเปิดศูนย์เตือนภัยสึนามิ และข่าวที่ประชาชนในสังคมให้ความสนใจ เช่น FTA ผู้ว่า สตง. การโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูง CTX วิทยุชุมชน รวมทั้งข่าวประเภทการประกวดนางงามจักรวาล ดาราแต่งงาน ฯลฯ


ซึ่งมีหลักขององค์ประกอบข่าว เช่น ความเด่นของบุคคล ความขัดแย้ง ความใกล้ชิดกับประชาชน ความแปลกในเชิงเนื้อหาข่าว รวมทั้งมีองค์ประกอบเรื่องเพศ (sex) ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่ประชาชนอยากรู้ ยิ่งถ้าเป็น sex ที่เกี่ยวกับคนที่รู้จัก sex แบบแปลก ๆ sex สวิงกิ้ง ก็จะยิ่งทวีความน่าสนใจให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นข่าวที่ได้รับการพูดถึง


คำว่า sex ในข่าวไม่ได้จำกัดว่าต้องเกี่ยวกับอวัยวะที่ใช้หรือกิจกรรมทำบนเตียงเพียงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ ความเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมทางเพศอันเป็นผลให้เกิดเสรีภาพและความเท่าเทียมจากความต่างทางสรีระ ฯลฯ น่าแปลกใจตรงที่ "sex" ในความหมายนี้กลับไม่ค่อยได้เป็นข่าว ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนและให้ค่าความสำคัญจากสื่อมากเท่าใดนัก


ทุกวันนี้ " เรา" ( หมายถึงทั้งสื่อและผู้ใช้สื่อ) ผันความหมายของ " เพศ" ไปใช้ในบริบท " บนเตียง" อย่างเหลือเฟือ เพื่อเรียกความสนใจจากคนในสังคม เรียลริตี้โชว์ทางโทรทัศน์หลายรายการดึงเอาเรื่องบนเตียงมาเป็นประเด็นข่าวเพื่อสร้างกระแสโปรโมท วงการเพลงวัยรุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องบนเตียงถึงขนาดเอามาตั้งเป็นชื่อเพลงในอัลบั้ม ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาเพลงไม่ได้เกี่ยวกันเท่าไร นิตยสารผู้หญิงผู้ชายตามแผงที่ขายดีก็มักจะเชิญชวนคนอ่านด้วยรูปนางแบบนายแบบท่าทีเย้ายวนและแต่งตัวยั่วเย้า แม้แต่แปรงสีฟันที่แสนธรรมดาก็ดึงจุดขายเกี่ยวกับกิจกรรมบนเตียงมาเป็นแนวคิดหลักของเนื้อหาโฆษณาแบบสองแง่สองง่าม


เนื้อหาเรื่องเพศที่ต้องการให้คนสนใจจึงมีให้เห็นอยู่เกลื่อนกลาดในสื่อให้ผู้บริโภคทุกวัยได้เสพและสนองต่อมอยากรู้อยากเห็น ไม่เว้นแม้แต่ลูกเล็กเด็กแดง วัยรุ่น วัยวุ่นหรือวัยไหน ๆ ให้เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วต่อพฤติกรรมการเลียนแบบ


สื่อตกที่นั่งลำบากเพราะต้องรับผิดชอบในการทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ส่งและคัดกรองเนื้อหาที่สำคัญ เป็นประโยชน์ ขณะเดียวกันก็ต้องเสนอข่าวที่น่าสนใจตามมาตรฐานของคนในสังคม ขณะที่คนในสังคมมีบทบาทเป็นทั้งผู้เสพ ผู้เลือก และผู้อุปถัมภ์ให้สื่ออยู่รอดได้ตามตัวแปรธุรกิจ


ภาพของเรื่องบนเตียงที่ออกมาจึงเป็นปรากฏการณ์ " ไก่กับไข่" ที่ไม่แน่ใจว่าจะแก้ตรงไหนก่อนกันระหว่างการวอนสื่อให้ช่วยกลั่นกรองการนำเสนอเนื้อหา ขณะที่ยังต้องสนองความอยากรู้ของคนอ่าน หรือไม่จะลองเปลี่ยนไปแก้ที่ประชาชนด้วยการชวนให้งดเสพสื่อที่นำเสนอเรื่องอย่างว่ามากเกินไป... ก็เห็นว่าท่าจะยาก



จนด้วยเกล้า...ขอโยนกลับไปที่ท่านสมาชิกประชาไทที่มองเห็นเหมือนกันว่าเรื่องนี้กำลังมีปัญหาให้ช่วยคิดหน่อยว่าถ้าจะทุเลากระแส " บนเตียง" ในสื่อ เราควรจะเริ่ม.... ขอยืมภาษาท่านนายกทิ้งท้ายไว้หน่อยว่าจะ "kick off" กันที่ไหน เมื่อไร และอย่างไรดี ???