Skip to main content

หลุด(9) มุมสูงจากวัดพระธาตุดอยคำ

วนๆพืชสวนโลก  พอให้รู้สึกหายมึนงงก็ออกเดินเข้าวัด  ไม่ใช่วัดรอบคอ 


รอบอก  รอบเอว  วัดสมอง  วัดใจ  วัดกระเพาะ  วัดลูกคอ  วัดลูกกระเดือก หรือวัดเท้าหาเสี้ยน …


เป็นวัดจริงๆ


 



 


"เข้าวัดดีกว่าลูก" พ่อออกแบบเส้นทางเช่นเคย


"วัดไหน อยู่ไหนพ่อ" ลูกถามทันที


"นั่นไง  ลูกเห็นมั้ย"


พ่อ ลูกและแม่ของลูก  ยืนมองเส้นขอบฟ้า  มีพระพุทธรูปตระหง่านไกลๆลิบๆอยู่บนยอดเขา 


 


"อ๋อ ที่มีพระสีขาวๆ น่ะพ่อ" …


วัดพระธาตุดอยคำครับ  วัดเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี มีพระเกษาธาตุพระพุทธเจ้าบรรจุไว้ในเจดีย์  ผมยังไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีโอกาสไปเยือน  ผัดผ่อนกันมาหลายปี  อยู่ใกล้ตา  แต่ไหนเล่าไกลเหลือเกิน  ไกลขนาดต้องปล่อยข้ามปี  อธิบายผ่านดวงตาสัมผัสบุญ ก็คือบุญมาไม่ถึง  มองผ่านจิปาถะวันต่อวัน  ต้องบอกว่ามีเรื่องอื่นให้ยุ่ง ให้วุ่นมาก่อน


 



 


ยังไม่ได้พบวันสงบ  วันสบายๆ วันปล่อยๆ คลายๆ  วันปลอดประสพอโรคยา อะไรอย่างนั้น  ซึ่งนับวันชีวิตใคร  ชีวิตไทยวิถีไทยก็ไม่ต่างไปจาก  การโดนจับรวบแขนขาโยนบกไปเจ็บระนาวอยู่บนพื้นดินเวิ้งว้าง วุ่นวาย ยุ่งเหยิง อันกว้างไกลจนไม่เห็นขอบแดนสงบสุข  


 


ให้สอดคล้องกับโลก และโรคสมัยใหม่ -- อะไรก็ได้  ขออย่าให้อยู่นิ่งๆ  ให้ดูวุ่นๆเข้าไว้  อย่าอยู่ลอยนวลตามลำพัง  หรือนั่งลอยนวลตาลอยเมื่อไหร่ก็คว้าคอขวด  ต้องการบรรยากาศบางอย่าง  ไม่ว่างเข้าไว้  เดินคนเดียวยังพูดคนเดียว  อยู่หลังมอเตอร์ไซค์ก็ยังได้พูดอยู่คนเดียว  อยู่ท่ามกลางใครต่อใคร  ต่างคนต่างพูดอยู่คนเดียว


 


เดินไปไหน  มองซ้ายมองขวา ต้องถามว่าอยู่ห่างจากเสาส่งคลื่นโทรศัพท์รับเสียงชัดเจนทุกพื้นที่แค่ไหน


(ลืมเสียเถอะสังคมสงบสุขสร้างวัดสร้างเจดีย์  วันนี้สังคมสงบสุขหรือเปล่า สร้างเสาส่งคลื่นโทรศัพท์จำนวนมหาศาล  สูงกว่าวัด  สูงกว่ายอดเจดีย์  ค้ำหัวเราอยู่ทุกหัวระแหง โฮย -- พูด/เขียนแล้ว(เคียด)  เข้าวัด เครียด ควรเข้าวัด …)


 


ถูกต้องแล้ว  อารมณ์ชีวิตไทยเช่นนี้  ควรหาเวลาเดินเข้าประตูวัดซะบ้าง


 



 


หากท่านมาวัดใจงานมหกรรมพืชสวนโลก  ขอแนะนำขึ้นไปวัดพระธาตุดอยคำ  ท่านจะได้ใจบางอย่างกลับมา  ใจที่เห็นได้ดั่งใจ


 


"ไปส่องกล้องได้มั้ย" ลูกถาม


นั่นแน่ะ  เข้าทางลูกชาย -- พ่อวัดใจลูก  ไหนจะไม่รู้ใจลูก


อาหารตาของลูกเมื่อกี้  คือต้นปาล์มกับสน  พ่ออยากชวนไปชิมอาหารใจ  แต่ลูกบอกขออาหารตาอีกสักสำรับ  คือส่องกล้อง   


 



 


กล้องดูนกครับ  เราเอาติดตัวมาด้วย  ลูกถามพ่อว่าที่พืชสวนโลกมีนกมั้ย  พ่อตอบกลับไปว่าอาจจะมี หรือไม่มี


 


ลูกไม่คิดให้วอกแวก  หยิบกล้องส่องดูนกมาด้วย  พอเห็นว่าเรื่องนกตกเป็นรองเจ้าต้นปาล์มยักษ์  กล้องก็ตกไปอยู่ก้นกระเป๋าเป้  พอจะขึ้นเขา-ไปวัด  ลูกคิดถึงกล้องทันที  คงมีอะไรบางอย่าง  จับใจลูกจนคิดถึงกล้องดูนกขึ้นมา


 



 


ภาพออกมา  อย่างที่เห็นครับ  กล้องดูนก  กลายมาเป็นกล้องส่องดูพืชสวนโลก  ทีนี้ล่ะ  เข้าคิวส่องกันทั้งพ่อ-แม่-ลูก  มองมุมสูง  มองอาณาบริเวณพืชสวนโลก 


ต้องบอกว่า  โลกตุ๊กตาจริงๆ 


 


โอ  การทุ่มเทพลังชีวิตและเงิน (นั่นหรือ) ลงไปอย่างมหาศาล  เนรมิตส่งเสริมภูมิปัญญาอยากใคร่กันถึงเพียงนั้นหรือ? ขนาดยืนอยู่กลางวัด  ยังดึงภาพไกลมาอยู่ในตา  มายืนมุมสูง  ยังยืนใฝ่-ใส่ใจมุมต่ำ  บุ๋มๆ ร่องๆ เหวอะๆหวะๆ แล้งๆ แห้งๆ 


 


"พ่อเห็นแล้วยัง" ลูกถาม


"อะไร ลูก"


"ที่พ่ออยากดูไง"


"เห็นแล้ว  ลูกเห็นมั้ย"


"นั่น พ่อไม่เห็นเหรอ  ไม่ส่องกล้องก็ได้ นกเยอะเลย"


 


เรายืนมองฝูงนกนางแอ่นวาดปีกบนท้องฟ้า  บินฉวัดเฉวียนโฉบเฉี่ยวไปมาเหนือเรือนยอดไม้ยอดเจดีย์


"ไปกันเถอะ" พ่อชวนลูกและแม่ของลูก


"ไปไหน"


 


อุโบสถงามมาก  เดินโน้มตัวไปข้างใน กราบพระ  ไหว้พระ จุดธูปเทียน  ให้กลิ่นธูป แสงเทียน ไหลผ่านลมหายใจเข้าออก  นั่งนิ่งๆ นานๆ พระกำลังมองจ้อง จับตาจับใจ  จับข้างใน เหมือนหัวใจสามดวงหยุดเต้นชั่วขณะ