Skip to main content

อสมท.ของประชาชน

คอลัมน์/ชุมชน

แม้ว่าหุ้นของ บมจ.อสมท.จะตกลง หลังจากรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท. พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร แห่งเครือมติชน ประกาศจะทำให้ อสมท.เป็นสื่อของรัฐ ไม่ใช่ของรัฐบาล และเป็นสื่อเพื่อประชาชน ที่ไม่ได้พูดฝ่ายเดียว


 


แต่ผมกลับรู้สึกว่า การประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่น่าสนใจยิ่ง


 


ที่ผ่านมา รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อการ "พูดข้างเดียว" มาโดยตลอด ทั้งพูดเอง หรือใช้ "ร่างทรง" พูดแทน


 


ช่อง ๓ นั้นท่านผู้นำก็ปล่อยให้นายทุนใกล้ชิดเป็นผู้คุมดูแล ช่อง ๗ ก็แทบไม่ต้องคุมอะไร เพราะเป็น "ทีวีเพื่อคุณ" ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินเป็นหลัก


 


ช่อง ๕ ก็ปล่อยได้ เพราะเป็นช่องที่คนดูน้อย ช่อง ๑๑ ก็มีคนดูน้อย แถมเป็นลูกไก่ในกำมือ ส่วนไอทีวีเป็นธุรกิจของครอบครัว เอาไว้หากำไรใส่ตัว


 


ส่วนช่อง ๙ เป็นช่องที่มีคนดูพอควร และเป็นผู้ชมที่ค่อนข้าง "มีคุณภาพ" จึงส่งนักการตลาดด้านรถยนต์ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" เข้าไปปรับปรุง จนเป็นช่องที่มีผู้ชมมากขึ้น มีรายการเกมโชว์ ที่ "ให้ความรู้" (?) อย่างเกมทศกัณฐ์ หรือรายการสารคดีคนค้นคน กบนอกกะลา


 


และที่สำคัญคือการปั้นรายการคุยคุ้ยข่าว และรายการสนทนา "ถึงลูกถึงคน" ซึ่งดำเนินรายการโดยสรยุทธ สุทัศนะจินดา


 


รายการ "ข่าวสาร" ยอดฮิตนี้ เป็น "ข่าว" ที่สรยุทธแทรก "ความเห็น" แบบเนียนๆ ที่พูดทุกเรื่อง ยกเว้นวิจารณ์รัฐบาลและท่านผู้นำ โดยเฉพาะประเด็นการทุจริต


 


ผมออกจะเชื่อว่า หากช่อง ๙ และสรยุทธ ขุดคุ้ยรัฐบาลทักษิณ อย่างเข้มข้น เหมือนกับที่ขุดคุ้ยเรื่องนักเรียนยิงกัน แก๊งค์ซิ่งมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ทับเด็กตาย ฯลฯ รัฐบาลทักษิณคงจะไม่อยู่นานมาจนโดน "คปค." หรอก


 


วีรกรรมของ อสมท.อีกอย่างหนึ่งก็คือ ให้บริการรัฐบาลในการประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ เช่น มหกรรมโอทอปที่อิมแพค พับนกไปโปรยที่ปักษ์ใต้ ธนาคารประชาชน หรือการเปิดใช้สุวรรณภูมิ--สนามบินที่พังเร็วที่สุดในโลก


 


สปอตประชาสัมพันธ์ และข่าวต้นชั่วโมงที่ อสมท.ออกอากาศให้กับกิจกรรมเหล่านี้ ยิงปูพรมถี่ยิบ ผมไม่แน่ใจว่า อสมท.มีรายได้จากงานประชาสัมพันธ์นี้มากน้อยเพียงใด แต่ให้เดาก็คือ อสมท.น่าจะ "จัดให้" แบบไม่มีกำไรมากนัก


 


เพราะหากมีกำไรมากๆ ท่านผู้นำคงสั่งให้ไปออกทางไอทีวี ของ "ครอบครัวของเรา" มิดีกว่าหรือ (ฮา)


 


อีกวีรกรรมหนึ่งของช่อง ๙ ที่ผู้คนจดจำได้คือ การปลดรายการเมือไทยรายสัปดาห์ ของสนธิ ลิ้มทองกุล ออกจากผังรายการ โดยให้เหตุผลว่า เป็นรายการพูดข้างเดียว และนำบทความเรื่อง "ลูกแกะหลงทาง" ซึ่งไม่ระบุชื่อผู้แต่ง มาอ่านออกอากาศ ซึ่งอาจทำให้ผู้ฟังเข้าใจไขว้เขวและเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง


 


การปลดเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกจากช่อง ๙ ทำให้ อสมท.ถูกวิจารณ์มากว่า เป็นการรับใช้ท่านผู้นำอย่างชัดเจน เพราะรายการที่เชลียร์ผู้นำทุกวี่ทุกวัน อย่างสมัคร-ดุสิต กลับออกอากาศต่อไปได้ ทั้งๆ ที่เป็นการพูดข้างเดียวเหมือนกัน


 


ดังนั้น การที่บอร์ด อสมท.ให้พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ไปล้างไพ่ใน อสมท. จึงเป็นเรื่องที่ผมออกจะดีใจ


 


ผมอยากให้ อสมท.มีรายการที่หลากหลาย แม้จะเป็นรายการพูดข้างเดียวก็ไม่เป็นไร แต่ผู้พูดต้องพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ และรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด


 


นอกจากนี้เมื่อมีรายการหนึ่งที่ชมรัฐบาล อสมท.ก็ต้องจัดให้มีอีกรายการหนึ่งที่วิจารณ์รัฐบาลด้วย เพราะเนื้อหาที่มีทิศทางที่ต่างกัน จะทำให้ผู้ชมเห็นข้อมูลที่หลากหลาย


 


เมื่อผู้ชมเข้าถึงข้อเท็จจริงและความเห็นที่หลากหลาย เขาก็จะตัดสินใจกำหนดชะตาชีวิตของเขาได้เอง "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย" ก็จะกลายเป็นอดีต หาก อสมท.เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง