Skip to main content

หลุด(11) ทางเดินของเด็กหญิงต้นข้าว

ลูกชายออกมาจากเต็นท์ตอนเช้ามืด   สีหน้ายังงงๆ  สายตาเหมือนจะถามเงียบ  เราอยู่ที่นี่ได้อย่างไร  พ่อบอกลูกว่า  เมื่อคืนลูกเดินข้ามป่า  ขึ้นเนินสูงๆ ไปตามทางเดินเลียบแม่น้ำ กับไฟฉาย  พอผ่านดงหนาม  ลูกขี่หลังพ่อ  เดินไป หยุดดูพระจันทร์ดวงโตๆกันไป 


 


ลูกชอบมั้ย   ต้นข้าวอยู่ที่นี่แหละ  ตอนนี้คงตื่นแล้วมั้ง


 



 


เด็กสองคนไม่เห็นหน้ากันราวสองปีกว่า  ทุกอย่างผ่านเร็ว   ต้นข้าวไปๆ มาๆ ระหว่างไร่กับหมู่บ้าน   ถึงอย่างไรโลกของเด็กดูอยู่เหนือกาลเวลา


 


เรื่องบางเรื่องในชีวิต  เหมือนเรื่องแต่ง  วูบวาบผ่านหน้าผ่านตาเร็ว เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  ด้วยฉากชีวิตฉากใดก็ตาม  นำพาชีวิตต้นข้าวสู่โลกกว้าง  กระทั่งกลับมาสู่โลกจริงกลางป่าอีกครั้ง  และไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย


 


ต้นข้าวฝึกทอผ้า  จับมีด  ดูแลน้อง  เก็บผักหญ้าในไร่  แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับวันต่อวันของเด็กหญิงคนหนึ่ง ในบ้านป่ากลางไร่ดงลึก


           


ลูกชายเข้าป่าคราวนี้   เหมือนเปิดประตูอีกบาน  เปิดไปรับรู้โลกจริงอีกฟากหนึ่ง  ซึ่งไม่ใช่หิวข้าวแล้วออกเดินไปซื้อข้าวสารมาหุง  อยากกินน้ำพริกไปซื้อพริกในตลาด  แต่ลูกจะได้พบต้นข้าว  ต้นข้าวจริงๆ มีเม็ดมีรวง มีใบมีลำต้น   เห็นต้นพริกและเด็ดพริกจากต้นจริงๆ


 



 


นับวันพวกผู้ใหญ่  และผู้ใหญ่แบบเราๆท่านๆ  เปิดหูเปิดตาเด็กไปสู่เรื่องการหยิบใช้  การเสพความสำเร็จของคนอื่น  เวียนวนอยู่อย่างนั้น  มากกว่าการเปิดพื้นที่รับรู้แห่งใหม่  ไปถึงที่มาขั้นตอนสาระเริ่มต้นผลิต  ต่างคนต่างเดินทางไปบนเส้นทางโอวาทของการโฆษณา  ปิดหูปิดตาโลกอันแท้จริง 


 


เราจะเรียกร้องหาการสมานฉันท์ในสังคมกันง่ายๆ ได้อย่างไร  ให้รู้รักสามัคคีกันง่ายๆได้อย่างไร  ให้ปรองดองรักกันได้อย่างไร  เมื่อเบ้าหลอมชีวิตถ่างออกห่างสาระความเป็นจริง อันนำไปสู่สำนึกรับผิดชอบ  เคารพตัวเองเคารพผู้อื่น  รู้จักตัวเองเองรู้จักหัวใจคนอื่น หรือจะสร้างหัวใจที่พอเพียงได้อย่างไร


 


ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะแตกหัก  เอากับวัยที่ล่วงเลยเกินเยียวยาสอนสั่ง 


พ่อคนโง่ๆ (อย่างผมนี้แหละ) ใส่ใจเอาแต่เรื่องโง่ๆ ทำนองนี้   


ช่างมันเถอะ?!?


 


ต้นข้าวนำทางลูกชาย  ออกตระเวนไร่ทันที  เก็บพริก  ถั่ว  มะเขือ  ผักบุ้ง  ผักกะเฉด  …  ลูกชายเดินตามไปไหนไปกัน


 


ลูกชายงุนงงสงสัยกับมือต้นข้าวที่กุมมีด  สับไม้ฟืน  แล้วชวนกันไปหักอ้อยมากิน  ต้นข้าวโค่นต้นอ้อย   แบกใส่บ่าเดินตามกันมา  ก่อนจะจบลงด้วยสับเป็นท่อนๆ


 


หากการเติบโตมีเรื่องพลังชีวิตมาเกี่ยวข้องจริง  ผมก็มองเห็นในท่าทีท่าทางต้นข้าวกับลูกชาย  ยามนี้ว่าเรียนรู้ถ่ายเทให้กันและกันได้  มีอ้อยเป็นท่อนๆ จะกินน้ำหวานได้อย่างไร  ต้นข้าวเคี้ยวหมับๆ ให้น้องดู  และบอกน้องว่า  ต้องคายชานอ้อยทิ้ง 


 


ถั่วพูกำลังแตกฝักเต็มต้น  ต้นข้าวชวนลูกชายไปเก็บ  บอกต้องเลือกเก็บเอาแต่ฝักอ่อน  ต้องดูลักษณะฝักอ่อนแก่  ขนาดสั้นยาว  สีฝัก  แล้วชวนกันไปเก็บลูกมะขามป้อม  ต้นข้าวปีนป่ายขึ้นไปเก็บ  ลูกชายชะเง้อมองคอยเก็บลูกที่ร่วงลงมา


 


ตลอดเวลาในโลกของต้นข้าว  ล้วนมีโลกของคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  ผมไม่รู้หรอกว่า  หมุดหมายปลายทางชีวิตโตขึ้นของต้นข้าว หรือลูกชาย  จะลำดับขั้นตอนต่อไปอย่างไร  แต่ผมก็มีความเชื่อว่า  หนทางที่ผู้ใหญ่สร้างไว้ให้เด็กเดินนั้น  ต้องมีเบ้าหลอมในเชิงชีวิตจริง และจิตใจที่สานต่อไปเห็นโลกทั้งมวล เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 


 


ไม่มีโลกของความสุขสบายอย่างเดียว  และไม่มีโลกของความลำบากยากแค้นเพียงอย่างเดียว  สนามจริงของชีวิต  ต้องการพื้นที่ฝึกฝน  โอกาสเข้าถึง  แรเงาลงในใจ  เติบโตขึ้นในทักษะฝีมือ และพลังใจใฝ่ดีงาม


 


ห้องเรียนที่เป็นโลกกว้างไม่มีหลังคา  ควรปราศจากหลังคาครอบจริงๆ   


อีกแล้ว  พ่อคนโง่ๆ (อย่างผมนี้แหละ) ใส่ใจเอาแต่เรื่องโง่ๆ ทำนองนี้


 



 


ตั้งเต็นท์  ทำอาหารกินเอง  ก่อไฟ  เดินกลางแจ้ง  นอนกลางแจ้ง  ออกเดินไร่ เข้าไปในสวนป่าสวนโลกหลังเต็นท์  ผ่านวันข้ามวันจนแทบลืมโลกอื่น


 


โลกของต้นข้าว  โลกของลูกชาย  เริ่มต้นการอยู่ร่วมด้วยท่าทีเรียนรู้กันและกัน  เราคงไม่ต้องรณรงค์การพูดเรื่องการปรองดองซ้ำซาก  การสมานฉันท์ซ้ำวันซ้ำคำเดิมๆจากพนักงานบริษัทบันเทิง  จนนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้น ณ จุดไหนกันดี


 


ใคร? ยกมือขึ้นสูง  แล้วชี้บอกทางให้ไปเริ่มต้นที่มหกรรมพืชสวนโลก!!?..