งานเขียนค้างปี (1)
คอลัมน์/ชุมชน
ผมยังนั่งๆ ยืนๆ งงๆ กับเดือนธันวาคม
พลัน นึกขึ้นได้ว่า มีเรื่องสองสามเรื่องที่ผมเขียนทิ้งเอาไว้ค้างปียังไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อน งานเขียนเชยๆ ที่ผมชอบ จึงหยิบมาลงพิมพ์ผ่านจอกันในช่วงเวลาข้ามปี ผ่านปี ท่ามกลางบรรยากาศที่ใครต่อใครต่างวางแผนเดินทางกลับบ้าน
ลองอ่านดูเรื่องแรกครับ
พ่อมาฝากรอยไว้ในบ้าน
เสียงตอกตะปูดังขึ้นแต่เช้ามืด พ่อเริ่มทำงานแล้ว เหมือนว่าประตูบ้านรอพ่อมานานเป็นเดือน นึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ไปสืบถามราคาทำประตู ราคาอยู่บนหลักหมื่น ๆ ทั้งนั้น พอพ่อมาเห็น พ่อช่วยหาทางออกให้ทันที "พ่อทำเอง ไม้ก็มี ไม่เห็นยาก"
ผมเชื่อมั่นว่าพ่อทำได้ พ่อเคยทำบ้านด้วยตัวเอง 1 หลัง ทำขนำในสวนอีกหลายหลัง ยังไม่นับรวมถึงเวลาที่พ่อไปหาลำไพ่พิเศษ หาเงินหาทองเข้าบ้านด้วยไปสมัครงานเป็นมือช่างก่อสร้างในเมือง ปีละหลาย ๆ เดือน
เหมือนใบประกาศนียบัตรที่วัดด้วยฝีมือล้วน ๆ
แค่ประตูรั้วบ้าน เป็นเรื่องยากได้อย่างไร ผมคิดด้วยเชื่อมั่นในมือพ่อ
ถึงกระนั้น พ่อก็พูดแบบถ่อมตัวในงานฝีมือ ว่าพ่อทำได้ก็จริง แต่อาจไม่สวยทันสมัยถูกใจลูกนะ เรื่องความแข็งแรงทนทานไม่ต้องห่วง ผมรีบพูดตัดบทบอกพ่อว่า มีงานฝีมือพ่อเอาไว้ประดับบ้าน ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ใครสักกี่คนกันเล่า มีส่วนประกอบหนึ่งของบ้าน เริ่มต้นและเสร็จสิ้นด้วยมือพ่อ สาระความหมายผูกพันอยู่ตรงนั้น
พ่อเอาเครื่องมือประจำตัวพ่อมาด้วย อย่างกับอาวุธประจำกาย เป็นฆ้อน ขวาน ตลับเมตร และเสื้อใส่ทำงานเสร็จสรรพ ผมเห็นฆ้อนกับขวานแล้วรู้เลยว่า มันเป็นเครื่องมือพ่อที่อยู่ติดตัวมานาน ผ่านงานสมบุกสมบัน จนรู้มือรู้งาน
ผมวิ่งซื้อตะปูขนาด
ไม้เก่า ๆ ที่กองอยู่ เป็นไม้สักเนื้อดี ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของบานประตูบ้านมาก่อน มันถูกรื้อออกมา เพื่อรอเติมค่าใหม่ ให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ผมเห็นพ่อเดินทางไกลมาเกือบ
ผมรู้สึกตื่นเต้นถึงความเป็นไปได้แบบเด็ก ๆ
ปีนี้ พ่ออายุ 70 ปี ใบหน้าแววตาพ่อดูล้าโรยตามวัยไปบ้าง แต่พ่อยังดูมุ่งมั่นแคล่วคล่องแข็งแรง ด้วยพ่ออยู่กับงานใช้กำลังมาตลอด
นานนับ 20 ปีมาแล้วที่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้พ่อเป็นเวลานาน ๆ ตั้งแต่ผมออกจากบ้านไปเรียนหนังสือในเมือง แล้วไล่ไปใช้ชีวิตตามเมืองต่างๆ กระทั่งหายไปจากบ้าน ไปอยู่ไกลบ้านเมืองอื่นไกลลิบ
ขณะพ่อยังใช้ชีวิตอยู่บนพื้นที่เดิม บ้านกับสวนยาง
ชั่วชีวิตพ่อ 70 ปี มีแต่เรื่องการดูแลให้ลูกเติบโตมีหลักมีฐาน เลี้ยงดูตัวเองได้ ลำพังรายได้จากงานสวนยางงานนา เลี้ยงลูกหลายคน เพียงพอจะขีดเส้นชีวิตพ่อไม่ให้ออกไปไหนไกลๆ นานๆ อยู่กับระยะทางระหว่างบ้านกับสวนยางอย่างนั้น
โอกาสเดียวที่พ่อจะได้ออกไปไกลจากบ้านได้บ้าง คือโอกาสไปหาลูกนั่นเอง
พ่อรู้ข่าวว่าผมกำลังสร้างบ้าน บ้านใกล้จะเสร็จ พ่ออยากขึ้นมาช่วยสร้าง ช่วยดูแล ขอมีส่วนร่วมในทางใดทางหนึ่ง แต่ผมปรามห้ามมาตลอด ยังไง ๆ ผู้รับเหมางานสร้างบ้าน คงวางแผนสร้างได้ครอบคลุมเสร็จสรรพ ตามแบบงานก่อสร้าง และระยะเวลาที่รับปากตกลงกัน
ครั้งนี้ พ่ออยากมาเห็นบ้าน พ่อก็เลยดั้นด้นขึ้นมาจนได้
ส่วนที่เหลือเป็นรูโหว่ของบ้าน คือส่วนที่เชื้อเชิญใครต่อใครเข้าบ้าน ประตูรั้วหน้าบ้านนั่นเอง
พ่อยืนมอง วัดด้วยสายตา วัดแล้ววัดอีก วิธีของพ่อเริ่มด้วยขั้นตอนร่างแบบ สร้างโครงร่างรูปทรงขึ้นมาในใจ พ่อไม่ได้เริ่มต้นด้วยดินสอกับกระดาษ พ่อเริ่มด้วยสายตากับยาสูบยาเส้นใบจากพ่นผุย ๆ ควันโขมงลอยออกไปพร้อมกับภาพร่างครุ่นคิด มองบ้านไปพลาง มองรั้วบ้านคอนกรีต มองต้นไม้ข้างบ้าน มองกอไผ่ที่เหลืออยู่หนึ่งกอ แล้วมองเลยไปถึงถนน มองระยะห่างกับเพื่อนบ้าน
ผมไม่ได้ถาม ว่าพ่อคิดอะไรอยู่ พ่อเห็นอะไรบ้างในแบบร่างกลางกลุ่มควัน
พ่อลงมือวัดระดับ วัดความกว้างยาว ความสูง ความหนาของไม้ แล้วพ่อก็ยืนอธิบายให้ผมฟัง ผมเออออตามแบบพ่อทุกอย่าง อะไรก็ได้ ขอให้เป็นลายมือพ่อฝากไว้ในบ้าน ผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ทันสมัยหรือไม่ สวยไม่สวย งามตาไม่งามตา เก่าฝืดอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ามันเป็นผลงานที่ต้องชื่นชม
พ่อมาฝากรอยไว้ในบ้าน
แล้วไม้เก่าแต่ละดุ้น เริ่มถูกแยกส่วน นำมาตอกตี คละเคล้าต่อติดกันใหม่ กรอบบานประตูหน้าต่างกลายมาเป็นประตูรั้ว ดุ้นไม้เดินทางต่อ มีชีวิตขึ้นมาใหม่ พ่อตอกตีอย่างแคล่วคล่อง วันต่อวันต่อเนื่องกันหลายวัน
ประตูรั้วค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น เป็นประตูรั้วที่ดูหนา หนัก แข็งแรงทนทาน โดยฝีมือออกแบบของมือพ่อ พ่อนำชิ้นส่วนไม้เก่ามาหักเลี้ยว หักหลบลบรอยเก่า สร้างไปตามลายมือของพ่อ ลายมือพ่อไม่เปลี่ยนไปเลย
พ่อยังเป็นพ่อคนเดิมเหมือนที่ผมเคยเห็น ลายมือพ่อบนประตูรั้ว--ยังเพิ่มเติมรอยรักห่วง สลักไว้ในวันเวลา ให้ลูกชายชื่นชมอยู่เสมอมา