Skip to main content

หมายเหตุบนฝั่งน้ำปิง อะโวคาโด กับ ประตูน้ำ 500 ล้านบาท (1)

จริงๆ นะ มองเพียงผิวเผิน อะโวคาโดกับประตูน้ำไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกันเลย  


 


ผมก็ว่าใช่  ไม่เห็นเกี่ยว   พยายามให้เกี่ยวยังไง  ก็ไม่เกี่ยวอยู่ดี  ไม่ข้องแวะไปมาหาสู่กันด้วย  ไม่ละม้ายคล้ายคลึง   เว้นแต่เซลล์ในสมองสัญชาติไทยเชื้อชาติไทยส่วนที่ด้านชาของผมบอกว่า โอ มายก็อด เกี่ยวกันมากเลย 


 


อะโวคาโดเป็นพืช  อย่าเข้าใจว่าเป็นสัตว์ในตระกูลงูยักษ์อนาคอนดา  เจ้ากิ้งก่ายักษ์อมาโด้  หรือมาธาดอนักสู้วัวกระทิง  


อะโวคาโดก็คืออะโวคาโด  ยิ่งไม่เกี่ยวกันเลยกับแตงกีล่า TEQUILLA 38 ดีกรี แห่งแม็กซิกันชนแก้ว 


อะโวคาโดเป็นพืชยืนต้นในที่ลับตา (หาดูยาก) ขนาดกลาง ไม้ผลขึ้นในที่เย็นบนภูเขาสูง อยู่ในการควบคุมดูแลให้เติบโตในอุ้งมือชนเผ่าเสียส่วนใหญ่


           


จากสถานะพืชทดลองปลูก  กระทั่งปลูกเอาจริง จากไม้ผลกินเล่นๆ กระทั่งเอามากินจริงๆ  ราคาไม่ใช่ย่อย หนึ่งกิโลกรัมกลางเมืองเชียงใหม่ นับไม่เกิน 3 ลูก ราคา 30-50 บาท หากไปโผล่ที่ปากคลองตลาดกลางกรุงเมื่อไหร่  ราคาจะติดปีกสูงขึ้นอีกครึ่งค่อนเท่าตัว  


 


ลูกของมันรูปทรงน่ารัก เห็นเย็นตา จำลองโลกอธิบายเด็กๆ ได้สบาย  เห็นชัดๆ เห็นเต็มตา  ว่าโลกต้องมีแกนกลาง


 


ยืนยันตำราเล่มไหนๆ บอก  โลกมีแกนกลาง  โลกมีเม็ดใน  โลกมีหัวใจ  โลกมีหลักยึด  โลกไม่ได้อยู่ลอยๆ ตามลำพัง


 



 



 


ผมทดลองผ่า(ตอนแรกๆ)  ผลออกมาอย่างที่เห็นในรูปครับ น่ารับประทาน  เม็ดในอวบอ้วนสั้นเป็นหมูตุ้ย  ฝังอยู่ในเนื้อนวลนุ่มนิ่ม  อ่อนไหวต่อการกระแทกฉีกขาด   ระหว่างเม็ดในกับเปลือก  ช่างเหลวเละชวนเหลวไหล เป็นวุ้นก็มิปาน  เนื้อเต้าหู้ชนิดนิ่มดีๆ นี่เอง  เทียบเคียงการคิดเชิงชั้นปรัชญาขั้นแตกหัก  มันแสนจะเป็นผลไม้อ่อนหัด  เปราะบางฉีกขาดง่ายอะไรเช่นนั้น


 


แต่พิสูจน์ให้เห็นกับตาสิ  เปลือกกลับเหนียวเป็นพังผืด  ห่อหุ้มเนื้อนุ่มเนียนและเม็ดในไว้ไม่ให้โยกคลอน 


เนื้อล่อนออกไปพร้อมกับเม็ดในเมื่อไหร่ เปลือกกลายเป็นภาชนะใส่อาหารรับประทานได้สบาย 


 


นั่นสิ  มันเกี่ยวอะไรกับประตูน้ำ หรือประตูน้ำ 500 ล้านบาท 


(เอ่อ .. ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ)


 


อะโวคาโดในหมู่บ้าน  ราคาของมันแสนจะตกต่ำ  จนเสียงบ่นโค่นทิ้งเอาพลับมาแทนดีกว่าดังหนาหูขึ้นทุกวัน  เพียงแต่มันใช้เวลานาน 6-7 ปี กว่ามันจะโตเป็นหนุ่มออกหน่วยผลให้รับประทานได้


 


เหวี่ยงขวานใส่กันง่ายๆ ได้อย่างไร  จึงต้องทนทู่ซี้จับยัดใส่กระสอบขายไปตามแต่พ่อค้าจะให้ราคา  กิโลกรัมละ 10 บาทนับเป็นโชคลาภลอยมากลางฤดูฝนแล้ว 


 


พบเห็นอะโวคาโดได้ในช่วงหน้าฝนจริงๆ  ไล่ๆ กันมากับสาลี่ พลับ  พอถึงหน้าหนาวเมื่อไหร่  ต้องหลีกทางให้มันอะลู  กะหล่ำปลี  ผักกาดขาว 


 


หารับประทานได้จากที่สูงทั้งนั้น


หากลงมาสู่ที่ต่ำ  ต้องเจอประตูน้ำแน่ๆ 


คำยืนยันจากผู้ปลูกแถบบ้านห้วยอีค่าง เขาบอกว่าอะโวคาโดปลูกง่าย  ใช้เวลานานกว่าจะออกผล  แต่คนหน่ายเร็ว  ข้อดีเห็นๆ นั้น ศัตรูพืชเบือนหน้าหน่ายหนี  แพ้กลิ่นตัวรูปทรงหน่วยผลมันหรือเปล่า 


 


เพียงแต่ยังไม่มีใครกล้ายืนยันว่า มีใครปลูกด้วยวิธีวิ่งไปเขวี้ยงไปบ้างหรือไม่ 


ดูเหมือนว่าผู้ปลูกเริ่มต้นด้วยการหวังผลทั้งนั้น  ไม่นิยมวิ่งเขวี้ยงปลูกขว้างปลูก  หรือปลูกทิ้งๆ ขว้างๆ นั่นแหละครับ


 


ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับประตูน้ำครับ!!?


 


ข้อที่แปลกของอะโวคาโดนั้น  คือคนกินไม่เป็น  หมายถึงคนไทยไม่นิยมกิน  คนฝรั่งชอบกิน  โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์เห็นเข้าเมื่อไหร่เมื่อนั้น 


 


ฟาดรับประทานเรียบ


อะโวคาโดจึงสอดคล้องกับเทศกาลเปิดพื้นที่พิเศษ ต้อนรับนักเที่ยวอย่างที่สุด


อันนี้ มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับประตูน้ำครับ  ประตูน้ำไม่ใช่ทั้งพืชและสัตว์  แต่ประตูน้ำเกี่ยวไว้กับพืช  สัตว์ และคน  


 



ฝายพญาคำ


 


ใครหลายคนบอกโคตรเกี่ยวข้องกับพืช สัตว์ และคน 


ในทางปรัชญามั่วนิ่มปริ่มน้ำ  ประตูน้ำหาใช่ทางออกทางไปของน้ำเท่านั้น   แต่หมายถึงทางอยู่ทางรอดของคนด้วย 


 


อันนี้นี่เอง  อะโวคาโดน่าจะเป็นบทเรียนให้ประตูน้ำได้สบายๆ  ว่ากว่าจะงอกเงยออกลูกมีราคาขายถูกๆ  แล้วพลันนึกถึงขวานโค่นทิ้งนั้น  ต้องอดกลั้นนานแค่ไหน…     


 


แต่เอ๊ะ! ประตูน้ำคืออะไร?!!?..