Skip to main content

เล่าเรื่องผ่านภาพโปสการ์ด (จบ)


 


พระจันทร์ตกน้ำ  ดึงสายตาไปพบพระจันทร์เหนือเมืองใหญ่ ปรากฏการณ์โลกสองด้านมาพบกัน  วัตถุกับจิต  ปรุงแต่งและดูคล้ายมีอยู่จริง  โดดเดี่ยว ล่องลอย คว้างๆ ฝันๆ อย่างไร้ขอบเขต 


 


มากกว่านั้น  คือคว้างไปตามน้ำ  แสงวับแวมยิ่งย้ำล่องลอยเดียวดาย  จับใจ 


 


ผมเห็นมุมมองคนยืนวาดรูปนี้  ทั้งหมดแทนสายตาของเธอ  ความรู้สึกของเธอ  โลกที่เธอกำลังเดินผ่าน  นานยาวแค่ไหนไม่รู้


 


เศร้า สวย มัวซัว ถึงอย่างไรก็มีความหวัง


จันทร์แหว่งสว่าง


 


ผมเคยแต่งเพลงชื่อ จันทร์แหว่ง  ความรู้สึกเกิดเพลงคล้ายในภาพ  เพียงแต่จะยกสถานีรถไฟกับรางรถไฟมาวางแทนลำน้ำ  มีฉากเมืองอยู่ข้างหลัง


 


"จันทร์แหว่ง  ลอยคว้างบนฟ้ากว้าง


                        ฉันเดินอ้างว้าง กลางซอยเปลี่ยว


                        ฉันเดินเหงาเหงา  เพียงคนเดียว  คนเดียว  ดวงใจ  คนเดียว


                        บ่นพร่ำบทเพลงฮือฮือ ฮาฮา    ไม่มีเนื้อหาชัดถ้อยคำ


                        ลมเย็นพัด  หนาวผ่านมาซ้ำ


                        ซ้ำวัน  ซ้ำใจให้เจ็บชา


                        ดาวดวงไหนหนอ  คือดวงตาดวงใจ


                        ยิ้มให้คำปลอบ  คำอ่อนโยน


                        หูกวางทิ้งใบ  ร่วงหล่น  ลมวน  พัดตีโบยตี


                        ผ่านหนองน้ำ  แมงค่ำคืนร่ำร้อง


                        เสียงเคาะเหล็กก้อง  บอกโมงยาม


                        เดินไปไหนหนอ  ใจคิดตาม


                        เป็นคำถาม  เป็นคำซ้ำบนทางเดิน


                        เป็นคำถาม  เป็นคำย้ำให้กล้าเดิน"


                       


เป็นไงครับ  ผมเคยอัดใส่มินิดีสเล่นๆ  ก๊อปปี้ใส่ซีดีออกร่วมกับเพลงอื่นๆ ที่มีที่มาคล้ายๆ กัน  เพลงบัดลาดประหลาดๆ หลุดๆ เกินๆ ล้นๆ  ตั้งชื่อชุดกะให้ดูเท่ (เสียหน่อย) เพลงจากใต้ถุนบ้าน  เดโมอะคูสติกไลฟ์


 


เอ .. ผมเขียนด้วยอารมณ์ไหนนะ วันนี้  หน้าชื่นตาบานเขียนเชียว  เอาเข้าจริง  ผมฟังงานชิ้นนี้ไม่ค่อยจบ  ทั้งอัด  จุก แน่นหน้าอก ลมตีขึ้นเบื้องสูง เจ็บอก..


 


ใครอยากฟังพอเป็นกระสัย ใจกะเศร้า  น่าจะมีอยู่บ้างใน ร้านเล่า  ร้านขายหนังสือ กาแฟ และต้นไม้  ที่เชียงใหม่ครับ 


 


ไหนๆ ก็ไหนๆ  เข้าโฆษณาเสียเลย  ได้ทั้งซีดีและร้าน


 



 


รูปสุดท้าย  ชอบมากครับ  รถไฟ  ผมผูกพันกับรถไฟตั้งแต่จำความได้  สัมพันธ์ด้วยหลายรูปแบบ  นานปี  จนอายุปูนนี้  ฝันๆ ลมๆ ลอยๆ อยู่ว่า จะเขียนเรื่องของ รถไฟ สักวันหนึ่ง


รับรองหนาวแน่ๆ 


 


จริงๆ ประมาณว่า โอ่..เอ่ .. คุณมีเรื่องทำนองนี้ด้วยหรือ?  พุทโธ! ธัมโม! สังโฆ! (ขอยืมรูป-เสียง อาว์.. รงค์ มาใช้)          


 


"รถไฟ เป็นการเดินทางที่เก่าแก่และคลาสสิค  ความช้าของเจ้าม้าเหล็กนี้  ทำให้ภาพข้างทางไม่มัวเบลอจนเกินไปนัก  และนี้ก็เป็นอีกบทหนึ่งของการเดินทาง.."


 


ผมขอให้เธอเขียนอะไรก็ได้  ถึงรถไฟ  เธอเขียนแนบมาอย่างนั้น


 


เจ้าหัวขบวนสีอย่างนี้ล่ะครับ  ทั้งกินคน  ทั้งไล่เด็กออกข้างทาง  ทิ้งขนมปังให้เด็ก ทิ้งขี้ทิ้งเยี่ยวต่อหน้าต่อตาเด็กมานับครั้งไม่ถ้วน  เสียงของมันติดหูผมมาจนโต  และเสียงของมันนั่นแหละ  นำผมไปพเนจรตามราง  ไปจนสุดรางมาสายแล้วสายเล่า


 


สรุปก็คือว่า  พบโปสการ์ดชุดนี้  บรรเจิด  ไกล  ลึก  สว่าง


งานของ คุณโอ๋ มะลิ ณ อุษา  เป็นชื่อในงานเขียนของเธอด้วย 


ผมเพียงรับรู้ว่า  เธอฝันและมุ่งกระทำการถ่ายภาพ  เขียนรูป และเขียนหนังสือ  เราพูดกันถึงวิถีชีวิตของคนจำพวกนี้  จะว่าง่ายก็ง่าย  จะว่ายากก็ยาก  ถึงที่สุด  วิถีชีวิตที่เราเลือกนั่นแหละ  ล้ำค่าในจิตใจที่สุด


 


เพียงแต่เราจะยืนระยะได้นานแค่ไหนเท่านั้น 


 


ขอเป็นแรงใจให้นักเดินทางน้อยที่กล้าออกท่องโลก  ตัวน้อยๆ คนหนึ่งจริงๆ  ที่บังเอิญพบกันในงานอุ่นๆ  พูดคุยถึงโลกความฝันในชีวิต  และขั้นตอนการงาน  ทั้งยาก และง่าย  ทั้งงามและปนเปื้อน  ขอให้เดินสุดราง  อย่าให้ชานชาลามาขวางกั้น