Skip to main content

กลับมาจากร่วมงานคอนเสิร์ต Music from Hubkrow 1 : หุบเขาฝนโปรยไพร


 


(1) รอยเท้าพระจันทร์


 


อย่าเร่งรอยเท้า ก้าวไปจากใจฉัน  ฉันไม่ได้หวัง  เหลี่ยมมุมพระจันทร์


ในคืนมืด  หรือเต็มดวงสกาว  ก็ปล่อยฉัน ไว้กลางทุ่งโล่ง


โอ  หินผา  หมอกเย็นริมทางเท้า   กลางแสงจันทร์แสงดาว เฝ้ารำพึง


ในคืนมืด ดอกไม้บานลึกซึ้ง   รำพันรำพึง ในคืนเดียวดาย


บางกลีบดอกไม้ ที่แน่นหนัก  ยังปริร้าวได้ในคืนสงัด


รอยเท้าพระจันทร์  สาดทอมาร้อยรัด 


มีแจ่มคมชัด แต่ใบไม้ครวญ


ยามนี้กี่เพลงแมลง  ตะโกนเสียงก้อง ร้องดังอื้ออึง


กี่กลีบดอกไม้  เบ่งบานลึกซึ้ง  ก็แค่เห็นเพียง


ทุ่งโล่งมีฉันเดิน .. เพียงลำพัง ..


                       


เพลงชื่อ  รอยเท้าพระจันทร์


ผมเกือบร้องไม่จบเพลงในคืนนั้น  รอยเท้าพระจันทร์ขึ้น 8 ค่ำ  แขวนแหว่งครึ่งดวงอยู่เหนือทุ่งหยามปาล์มสองต้น  ฟิชชิ่งปาร์ค  หลบเล่นซ่อนหากับเมฆหลายก้อน  ผมนั่งมองแสงนวลเย็นเยือก  มองแล้วมองอีก ขณะเตรียมตัวขึ้นเวที


 



 


เหมือนอยู่ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์  เหนือหุบเขาชีวิตทั้งมวล  รำลึกถึงกนกพงศ์  สงสมพันธุ์  วงดนตรียาวเหยียดเป็นบัญชีหางว่าว  สีหน้าและแววตาเหล่าศิลปินนักดนตรีผู้มาร่วม เปี่ยมไปด้วยความเต็มใจ  และมุ่งมั่นจะมาร่วม


 


ข้างเวที  เครื่องไม้เครื่องมือพร้อมจะนำขึ้นเวที  เป็นเพลงเดินทางไปในค่ำคืนร่วมกัน  และดูท่าจะไม่จบลงง่ายๆ


 


ผมบอกแต่เพียงว่า  เพลงนี้  ผมใช้ร้องไม่กี่ครั้ง  และร้องในบางวาระเท่านั้น  เพลงนี้เกิดขึ้นพร้อมบทกวี  ร้องเล่นกับเด็กหญิงสวยใสเป็นประจำ  มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา  ว่าด้วยการออกเดินค้นหาความหมายชีวิต  หนทางของคนหนุ่ม  ที่ต้องมุ่งไปตามลำพัง 


 



 


วันเวลาผ่านเลย  จนเพลงออกเดินทาง  กลับกลายเป็นเพลงไว้อาลัย ด้วยใจอาวรณ์ได้อย่างไร   


 


ไม่น่าเชื่อ  แต่ต้องเชื่อ  โลกที่จริงที่สุดในวันหนึ่ง  เพียงข้ามวัน  โลกพลิกกลับไปอีกเรื่องราว  อีกเรื่ององค์ประกอบ  จากเพลงร้องเอาเสียงเฮฮาสนาน  ประสาพ่อลูก  มาเป็นเพลงไว้อาลัยไปได้อย่างไร


 


ผมแทบร้องเพลงนี้ไม่จบ  หลับตาร้องไปแทบตลอดเพลง


 


ผมบอกผู้ชมว่า  ผมฝากผ่านเพลงนี้ แด่ผู้อยู่ข้างหลัง  ผู้สูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก     


                       


*** ภาพประกอบจากหนังสือ  วารสารหนังสือใต้ดิน ฉบับ ลำดับ 7 นักเขียนหนุ่มไม่มีวันตาย