Skip to main content

กลับมาจากร่วมงานคอนเสิร์ต Music from Hubkrow 1 : หุบเขาฝนโปรยไพร

(3) นิยาม


 


ฟ้าที่มืดมน  เมื่อเมฆพ้น  พลันสดใส


ใจที่เคยร้าว  เริ่มมีความหวังขึ้นมา


มีใครบางคน  เฝ้ามองห่วงใย  ให้มิตรภาพงดงาม


จึงอยากเริ่มเรียนรู้นิยาม ที่แท้จริงของคำๆ หนึ่ง


หลายความรู้สึกที่มี  กลายเป็นบางสิ่งขึ้นมา


เป็นความงดงามนานา  เข้ามาสู่ห้วงอารมณ์


นานเนิ่นนานวันสะสม  จนเราต่างเริ่มมั่นใจ


ที่หนาวอุ่นไอกอดเธอแทน.. ที่ร้อนรุมสุม.. มลาย


เป็นดังสายฝนกลางทะเลทราย  ดังดวงดอกไม้  บานบนภูผา


เป็นดังสีสัน  ของกาลเวลา  คือรักล้ำค่า ที่เราจะมีให้กัน


เราอาจไม่มี เพชร นิล จินดา


ไม่มีสิ่งลวงล่อตา  หรูหราปลอมๆ


เพียงเธอถนอม  ยอมรับบางสิ่ง จริงใจและพร้อมแบ่งปัน


คงพบความหมายประกาย พลังเจิดจ้า


 


ชื่อเพลง นิยาม  เขียนและร้องโดย รังสรรค์  ราศีดิบ 


เขาขึ้นเวทีด้วยกีตาร์ไฟฟ้าคู่ใจ  ตัวต่อตัว  คนต่อคน กีตาร์หนึ่งตัว คนหนึ่งคน  นิยามคือเพลงหนึ่ง  ร้องด้วยรังสีราศีดิบ ดุ้นๆ เต็มพลังใจ 


เนื้อๆ ชวนฝัน และเสียงกีตาร์บาดลึก


เป็นช่วงเวลาเล่นเพลงของความสุขอย่างแท้จริง  


 


นิยามในมิตรภาพงดงาม  ดูเหมือนเรื่องง่ายๆ  แต่ยากแสนยากนั้น  เป็นด่านหมอกควัน  เข้าจมูก เข้าหู เข้าตา  จนนิยามของคำๆ หนึ่ง แปรเปลี่ยนไปได้ง่ายๆ


 


นิยามดนตรีในหุบเขาฝนโปรยไพร  เสมือนอิฐก้อนแรกที่โยนลงไปยังแผ่นดินนั้น  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีอิฐก้อนต่อไปเติมเต็มขึ้นมา  เป็นฐานความคิดฝัน  พลังใจคนหนุ่มสาวที่ซ่อนซุกอยู่ตามมุมต่างๆ ของแผ่นดินนี้


 


ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง  หลังงานดนตรีในค่ำคืนแห่งหุบเขา  มิตรภาพงดงามอาจต้องลงทุนด้วยสตางค์  แต่นั่นเป็นเครื่องมือ  นำไปสู่ รักล้ำค่าที่เราจะมีให้กัน  ดังนิยามของรังสรรค์ ราศีดิบ 


 


ผมแอบฝันเล่น  ว่าวันหนึ่งจะมีเพื่อนพ้องน้องพี่  แบกเป้มาปักเต็นท์  มานำเสนอการค้นพบของงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ นานา  พูดคุยและมีส่วนร่วมในความฝันของกันและกัน  อันกำเนิดขึ้นมาบนวิถีชีวิตที่ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ  หรือเกิดเพราะหาเรื่องทำอย่าให้ว่างงาน


           


เป็นเทศกาลดนตรี และศิลปะ แห่งหุบเขาฝนโปรยไพร 


 


ดีไม่ดีอย่างไร  เจ้าภาพจัดงานก็น่าจะเป็นคนในจังหวัด  เป็นจังหวัดบ้านเกิด (พัทลุง) หรือเป็นจังหวัดสถานที่สร้างงาน (นครศรีธรรมราช) ของกนกพงศ์ 


 


ขยับตัวไปสู่โลกสุนทรี  รูปธรรมจับต้องได้  น่าจะดีกว่ากู่ตะโกนหาสมานฉันท์  จนกว่าจะพอเพียงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน 


 


เทศกาลงานศิลปะ  แม้ไม่อาจเทียบเคียงกับเทศกาลทางการเมือง  แต่นั่นเป็นเวทีของจิตวิญญาณ  เป็นเบ้าหลอมชีวิต แรงบันดาลใจ  นำไปสู่ความสงบสุขในคน และสังคมได้   


  


ผมยังเชื่อแบบหัวตัดตกขอบอยู่อย่างนั้น


ตอนหน้าตอนจบ  ผมพาไปท่องใต้สวรรค์ ลูกเนียงสะตอดิบขนานแท้..