Skip to main content

กลับมาจากร่วมงานคอนเสิร์ต Music from Hubkrow 1 : หุบเขาฝนโปรยไพร (จบ) ใต้สวรรค์ (TAI - SAWAN)

ลูกเนียง  ลูกตอ  พุงปลา (น้ำเคย)  กลิ่น-รสเฉพาะเพียงใด  ใต้สวรรค์คลุกวงในจนได้กลิ่นแรงถึงเพียงนั้น  ไม่เกินจริง  ส่วนผสมของทับ  กลับ  กลอง โหม่ง ฉิ่ง  ฉาบ  กีตาร์  เบส  แมนโดลิน แอ็คคอเดียน  ไวโอลิน  แซ็กโซโฟน  ฟลุ๊ต ขลุ่ย  ฯลฯ สารพัดนำมาปรุงรสให้ได้กลิ่นขิง  ข่า  ตะไคร้  ขมิ้น  พริก  กะทิ  ใบทำมัง ใบมวง  ส่วนผสมบนเปลวไฟแรงๆ  จัดจ้าน  ถูกปาก เผ็ดน้ำมูกน้ำตาไหล


 


หยิบเครื่องไม้เครื่องมือ - เครื่องดนตรีได้มากมายขนาดนั้น เสียงเหมือนจะล้นเวที


"พวกเราเป็นเด็กบ้านนอก (2home) จากหลายอาชีพ ที่รักและสนใจในงานดนตรี  และศิลปะในแขนงต่างๆ  มีความคุ้นเคยกับศิลปวัฒนธรรมและความเป็นบ้านๆ  เช่น หนังตะลุง มโนราห์  รองแง็ง  เพลงบอก ฯลฯ  เราชื่นชมความใสซื่อและความเป็นธรรมชาติของสิ่งเหล่านี้  ภายหลัง  เราได้เดินทางมากๆ ได้แจม ได้ฟัง และพบปะหลายๆ ประสบการณ์  ทำให้เราชื่นชอบ และได้เล่นเพลงของชนชาติอื่น เช่น ไอริช  อินเดีย เนปาล อินโดฯ มาลายู อาหรับ ธิเบต  ชาวเขา ฯ .."


 



 


เขียนไว้บนปกซีดี บันทึกแสดงสด การเดินทางใต้สวรรค์  แนะนำตัวเองอย่างนั้น  บันทึกเสียงมาจากหลายแหล่งเวที  บนภูเขา  กลางเมือง  ชายเล  ริมควน  บนเกาะ  เป็นงานชิ้นแรกขึ้นมาหลังออกแสดงสดๆ ดิบ แต่เคี้ยวไม่ลำบาก


 


ทั้งสองคืน คอนเสิร์ต  Music  from Hubkrow 1 :หุบเขาฝนโปรยไพร  ใต้สวรรค์ยืนพื้นแบ่งเนื้อที่ให้งานเพลงขึ้นเวลากันเต็มอิ่ม


 


ใต้สวรรค์ เล่นเคียงกับเตหน่า (เครื่องดนตรีปกากะญอ) ในมือของชิ สุวิชาน 


เคียงไหล่กับจ๊อบทูดู และอีกหลายเพื่อนพ้อง  ร่วมเล่นเป็นวงใหญ่ครบเครื่อง


 



 


เพลงของเขาเหมือนตัวของพวกเขา  โหมโรง  ยามเช้า  พรพระเจ้า  ฤาษี+โหมโรง  โยเก็ต  จากเนปาล  แต่ก่อน  ปรายหน้าบท  อินเดีย  จากธิเบต  รวมอยู่ในงานบันทึกสดแผ่นเดียว


 


กนกพงศ์  สงสมพันธุ์ เป็นคนตั้งชื่อวง 


 


นิยุติ  สงสมพันธุ์  พี่ชายกนกพงศ์  ผู้เลือกทางเดินสายดนตรีมานาน  ตั้งแต่ออกมาจากรั้วการศึกษา   ความตั้งใจเต็มร้อยไม่ต่างจากน้องชาย


 


ครั้งหนึ่ง และครั้งหนึ่ง  ผมเคยนั่งรอเขา (นิยุติ) เล่นเพลงในผับแห่งหนึ่ง  กลางเมืองหลวง  รอจนเลิก  โน่น  ตีสองตีสาม  นั่งรถเมล์กลับที่พัก  กว่าได้นอน เวลาก็ปาเข้าไปเกือบตีห้า นอนจนแดดแทงตา  ผมออกมาจากห้องเอาหัวไปซุกนอน  พบว่านักเขียนหนุ่ม กนกพงศ์  นั่งพ่นบุหรี่ผุยๆ กับแก้วกาแฟ (แก้วใหญ่มาก)  เขาอยู่ในอารมณ์ครุ่นคิดอย่างหนัก


 


เขางงหรือเปล่า  ผมมุดเข้าไปซุกนอนในบ้านตอนไหน 


เราทักกัน  พูดคุยกัน  เยี่ยงคนหนุ่มเดินทาง  เด็กหนีจากห้องเรียน  ออกเผชิญโลกกว้างอย่างไม่รู้ว่าจะพบสถานีไหนข้างหน้า


 


นั่น  เป็นการพบกนกพงศ์ในท่วงท่ามาดเซอร์ที่สุด   เขากำลังขะมักเขม้นเขียนเรื่องสั้นด้วยแรงขับระหว่างทางอย่างเต็มที่ 


 



 


โน่น ปี 2532  นานมาก 17 ปีก่อนเขาจากไป


 


ใต้สวรรค์  ยืนพื้นนายวงโดยนิยุติกับเจริญ  เพื่อนคู่หูตั้งแต่เรียนหนังสือกันมา (เทคโนฯ สงขลา) รักในเพลง  ดนตรี  ไม่เคยห่างจากเครื่องมือทำเสียง  น้ามาดมาเติม  มือเบส  มือกีตาร์  ผลัดเปลี่ยนหน้าขึ้นยืนหน้าเวที


 


ขับโทนกลิ่นอายลูกตอลูกเนียง  แกล้มพุงปลา


พุงปลาคอมโบ้!!  เรียงคู่กับปลาท่องเทียว (หลาน้ำผึ้ง) หัวโม่ง (ทอดมัน ให้ดีต้องแดดเดียว) ปลาบุดตรี(ต้มน้ำส้มโหนด ซดน้ำ) น้องโคบมัน--น้องแมวทอดมัน กรุบกรอบ … อายหยา (ลาก๊ะ)  หวาง (รุ่ง) ก็น่าเล่นกันไม่เลิก (ประโยคนี้อนุญาตให้ออกเสียงสำเนียงใต้ได้  ไม่ผิดกฎรุงรัง) 


      



 


การเดินทางใต้สวรรค์  น่ารื่นรมย์เพียงไหน  ลองสอบถามตามมาฟังดูครับ


 


ผมชวนออกเดินเฉียดๆ เฉี่ยวๆ  ตั้งใจให้ได้ยินหางเสียง  มากกว่าเนื้อในอันละเอียดของคอนเสิร์ต  อีกอย่าง  ผมนั่งดูในมุมแคบๆ  เท่าที่รู้สึกได้  และอยากเล่าใครให้เห็นถึงลายแทง  สู่คอนเสิร์ต งานศิลปวัฒนธรรมในครั้งต่อไป (หากมีขึ้นมาอีก)


 



 


ยังมี สุดสะแนน ที่ออกเดินทางด้วยกันจากเชียงใหม่  ชิ สุวิชาน  และตือโพ  ออกวาดลวดลายกันเต็มที่   เหมือนอัดอั้นกับการเดินทางไกล


 


เขียนถึง  ด้วยรำลึกถึง กนกพงศ์  ภาพฝันที่เราผ่านไปรับรู้กันน้อยมาก  แต่ภาพผ่านระหว่างทางไม่เคยลบเลือน  บนเส้นทางเดินทาง  ไฟฝัน  เขียนหนังสือ  และเสียงเพลง