Skip to main content

การปรากฏตัวของบทกวี

"โตวันโตคืน  ในวงล้อมของเล่นบนสระทราย


คุ้ยเม็ดทรายปลิวฟุ้งไปกับลม


สนามเด็กเล่น   ในโลกของเล่นข้ามวัยเปลี่ยนผ่าน


โลกใกล้มือช่างกว้างไกลเหลือเกิน.." (สนามเด็กเล่น)


 


ผมอยากพูดถึงบทกวี  อีกดินแดนที่ผมเดินเข้าไป  และกลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือ  ออกไปสัมผัสใจผู้คน


 



 


อีกครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกใจจดใจจ่อกับการรอคอย "ดินแดนลม" หนังสือบทกวีเล่มล่าสุดของผม  ที่คณะผู้จัดทำบอกว่าวันนี้ (30 มีนาคม) เสร็จสมบูรณ์  ตั้งแต่เช้า  ดวงอาทิตย์กลมโตขึ้นเหนือเมืองใหญ่แล้วรู้สึกคอย  ข้างในห่อๆโหยๆชอบกล 


 


อาการเช่นนี้ ไม่น่าจะใช่ธรรมชาติภายในของผม  ผมไม่ค่อยตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกคอย  แต่ตื่นขึ้นมาแล้วต้องทำอะไรต่อไป นั่นมากกว่า  คอยกระตุ้นเตือนวันใหม่  ไม่ให้ผมปล่อยวางวันใหม่ด้วยท่าทีเหลวไหลเกินไป


 


คอยบทกวีเดินทางย้อนกลับมาบ้าน  ไม่กี่วันก่อน  มันออกไปทางประตูบ้าน  ไปแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นเล่ม  แล้วย้อนกลับมาทางประตูบานเดิมอีกครั้ง  


 


(ทำไมต้องคอย) นั่นสิ  ทำไมต้องคอย…


 


สามปีมาแล้วที่ผมไม่ได้จัดการกับบทกวี  รวบรวมออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน  แม้จะเขียนอยู่บ่อยรายวัน  รายสัปดาห์  ข้ามเดือน หลายเดือนเป็นปี  โดยเฉพาะหลายเดือนที่ผ่านมา ผมซุ่มเงียบกริบ  ขัดเกลา  แก้ไข เพิ่มเติม  ให้ได้บทกวีมีโทนสีเดียวกันสักชุดหนึ่ง  แล้วยื่นให้บรรณาธิการมองดูความน่าจะเป็น 


 


ผลปรากฏว่าบรรณาธิการเลือกเอาเพียงส่วนเดียวเท่านั้น  ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า  เนื้อหามันใหม่  มีทิศทางใหม่ของการสร้างงาน


 


ผมตื่นเต้นกับการค้นพบของบรรณาธิการ ที่มีดีกรีควบกวีไปจอดป้ายซีไรต์มาแล้วสามคน (น่ากลัวมาก!!)   อยากลิงโลดตามคำบ้ายอไปมากกว่านั้น (น่าตกใจมาก!)   แต่พอมานึกถึงว่าต้องแก้ไข เพิ่มเติม  ด้วยแนวทางเนื้อหานั้น  จนกว่าเรื่องจะอิ่ม 


 



 


นั่น  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการนำเสนอบทกวี  แรงงานที่เกิดขึ้นมาโดยชะตากรรมผู้คนรอบๆตัว   ตามจังหวะเวลาที่ดูเหมือนเหมาะสมที่สุด   ดูอุณหภูมิในร่างกาย  ดูภูมิอากาศโลก  ผมก็เห็นด้วยกับช่วงเวลานี้ 


 


เผื่อว่าจะมีคนเหล่ตามองบทกวีมากขึ้น


บทกวี  งานเสี่ยงขาดทุนต่อผู้รับพิมพ์  ยากจะคาดหวังให้ถอนทุนคืน  และยิ่งยากจะหวังว่าบทกวีส่งผลถึงเรื่องใดในชีวิตผู้คนบ้าง


 


ขาดบทกวีก็ไม่ทำให้โลกแตกเป็นเสี่ยงๆ (ใช่มั้ย..?)


ขาดบทกวีแล้วจะอะไรต่อไป?


เปล่า  ทุกอย่างยังดำเนินไปเช่นนั้น


หลายปากพูดถึงบรรยากาศการอ่าน การซื้อบทกวี  ผมก็ไม่รีรอเออออร่วมหัวจมท้าย  พิมพ์บทกวีออกมา    


พอหนังสือบทกวีออกมาเป็นเล่มจริงๆ  ผมก็คิดถึงผู้อ่านที่เข้ามาดูในคอลัมน์ที่ผมประจำการอยู่ใน"ประชาไท" อยากบอก อยากแจ้งข่าว  ส่งข่าวว่าผมมีงานบทกวีเล่มใหม่ออกมาหนึ่งเล่ม  ขนาดเหมาะมือ  ราคาเท่าข้าวราดแกง 3 จาน กับน้ำเย็น 1 ขวด  ไม่รู้แพงเกินใจหยั่งถึงหรือเปล่า


 


เผื่อใครจะสนใจนำมาอ่านบ้าง


 


ว่าแล้ว  ผมก็เอาปกบทกวี ดินแดนลม  มาขึ้นจอเสียเลยก่อนใคร                             


ผมจะได้เกิดความมั่นใจ ว่ามีส่วนช่วยผู้จัดพิมพ์   ช่วยสมทบทุนให้ผู้จัดพิมพ์ได้บ้าง  นั่น  แม้เป็นเรื่องคาดหวังยากก็ตาม 


 (และ ไม่น่าใช่ภารกิจคนเขียนบทกวี)


 


ถึงอย่างไร  บทกวียังต้องเดินไปบนหน้ากระดาษ ไปพบหน้าคนอ่าน  ส่วนคนอ่านจะรักตอบกลับมาหรือไม่  ก็ยากไม่ยิ่งหย่อนกว่าการเล็งเลขหวยรากปักษ์


 



 


บทกวีเป็นเรื่องยากเกิน(หรือเปล่า)  แต่หาคนซื้อยากน่าจะเป็นเรื่องลำดับต้นๆของความยาก(คนพิมพ์)  บทกวีไม่ได้กำเนิดขึ้นมาเพื่อห่อขนมก็จริง  แต่วาระสุดท้ายของมันก็ละม้ายคล้ายกันเหลือเกิน


บทกวีเลยดูอบอ้าวในห้องเก็บของ  ไม่มีใครผ่านมาซื้อไปอ่าน


เกิดวันดีคืนดี  คนแตกตื่นกับการปรากฏตัวของบทกวี  ถึงขนาดยืนรอเข้าแถวตั้งแต่ไก่โห่  เพื่อจะซื้อบทกวี    บทกวีเล่มใดสร้างปรากฏการณ์เช่นนั้นให้เกิดขึ้น  เห็นทีโลกจะแตกเป็นผุยผงเป็นแน่ 


ในฐานะปาฏิหาริย์ที่โลกต้องจดจำ


                       


ตกถึงบ่ายแก่ๆ  ยอดไม้ข้างบ้าน หลังบ้านเริ่มส่ายไหวโอนเอน  ตามลมฟ้าแปรปรวน  เสียงฟ้าก็ดังขึ้นไกลๆ ฮึ่มๆๆ  แล้วใบไม้กิ่งไม้หน่วยไม้ก็ปลิวมากับลม  เข้าหูเข้าตาระเนนไปทุกสายถนนหนทาง  ข้ามรั้วบ้านเข้าไปในบ้าน


 


ยามนี้เอง  ดินแดนลม  มาถึงมือผม  มากับลมฟ้าปั่นป่วนตอนใกล้ค่ำ  อยากชวนท่องดินแดนลมด้วยกัน  ภาพประกอบเขียนโดยเจ้าชายน้อยข้างตัวผม  ขีดๆข่วนๆอยู่นานนับเดือน


 


บทกวีเก็บไว้ได้นาน  ไม่บูดเน่าเสียง่าย


 


--------------------------------------------------------------------------------------------


 


หมายเหตุ  ***สัปดาห์นี้ขายหน้าตา  โฆษณาบทกวี   ในยุคสมัยบทกวี  ดูราวเด็กดื้อไร้ที่หลับที่นอน  ริกระทำการใหญ่  ออกเดินภาวนาค้นหาสัจธรรมชีวิต  สิ่งที่ค้นพบ  ไม่มีใครอยากอ่าน  ถึงกระนั้น  บทกวีไม่ได้เจตนาล่วงหน้า  สร้างวงรอบความซับซ้อนปั่นป่วนลงบนหน้ากระดาษ  ก่อนชั่งกิโลขาย  .. กลัวโดนชั่งกิโลขาย จึงต้องออกมาขายหน้า            ..