Skip to main content

บทกวีชิ้นนั้น ยามบ่าย 13.45 น.

        


 


เธอจะบอกเรื่องใด  จักจั่น


นกล่าบินว่อนมาก่อนเที่ยง


ความร้อนจูงรถขายไอศครีมมาเคาะระฆังใบจิ๋วอยู่หน้าบ้าน


เธอไม่รับรู้ถึงหมอกควันมีท้องฟ้าโอบล้อมช่อมะม่วง


มีแต่นกเขาผ่านมาขันคู


เหมือนไม่เคยรู้ความลับอยู่ตามลำพัง


ต้นสักหว่านเมล็ดดำปลิวหายไปกับลม


เหมือนฝูงจักจั่นบินผ่าน


นกนักล่ารวมปีก  บินเกาะกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่ง


จักจั่นร้องเสียงหลงเมื่อใด  จงอยปากไล่จิกตี


ผมเดินลงไปบนลู่ความเงียบ


มองจักจั่น  นกนักล่า และเสียงระฆังรถไอศครีม


นกเขาคู่หนึ่ง  บินมาเกาะพื้นดิน


ไล่จิกตีกัน


เหมือนมันไม่เคยรู้ความลับอยู่ตามลำพัง


ไผ่ยืนแห้ง  ลูกพยอมมีปีกห้อยโหนไปมา


ประดู่ป่าโปรยกลีบดอกเหลือง


ฝนเหลือง


เธอจะบอกเรื่องใด  จักจั่น


พายุฤดูร้อนกำลังมา


ไล่ใบไม้แห้งให้กระจุยกระจาย


ยินแต่เสียงจักจั่นระงม


ในละอองฝุ่นควัน  ได้ยินแต่เสียงนกล่า


ผมจะบอกเรื่องใดให้เธอรู้  จักจั่น


ปีกนกดำบินว่อน  บินผ่านมาทบปีกรวมฝูง


ตีวงแคบเข้ามา  ล้อมฝูงจักจั่น


                       



 


อาศัยป่าหลังบ้านเป็นโต๊ะรับแขก  เชื้อเชิญเสียงร้องต่างพันธุ์  เสียงของความเบิกบานและอาดูรในเวลาเดียวกัน


เหตุผลฝูงจักจั่นร้องดังลั่นบ้าน  ช่างเป็นโลกอันน่าพิศวง 


 


ยามบ่าย  13.45 . วันหนึ่ง เหมือนนั่งดูฉากละคร  ปีกดำนักล่ากับผู้ถูกล่า  นักล่ามากันเป็นฝูง  ผู้ถูกล่าก็อยู่กันเป็นฝูง  ต่างมีปีก  ต่างมีเสียง 


 


นักล่ามีสายตายาวไกล  หวังผลในทุกทาง  จู่โจมได้ทุกขณะ  ไม่มีเลือกเหยื่อตัวไหนอ่อนแอ  ตัวไหนอ่อนเปลี้ย   ผู้ถูกล่าดูราวกับมันวางใจโลกรอบตัว   


 


มันมีปีกบางใส  บอบบาง ปรุโปร่ง 


นักล่ามีปีกดำใหญ่  มืดทึบ


ล้อมวงเข้ามา  กิ่งหนึ่งสู่อีกกิ่ง  ปีกกระพือตีวงล้อม 


 


ชั่วลมหายใจ  เสียงล่าเสียงหลง  เสียงจักจั่นร้องผิดเสียง  บินไล่กันกลางอากาศ ปีกมืดทึบล่าปีกบางใส  จบลงบนกิ่งไม้


                         


ปีกดำกระพือใหม่อีกครั้ง  ตีวงแคบเข้ามา


 


……………..


 


ยามบ่าย 13.45 .


อีกวัน..


ก่อนสงกรานต์จะมา 7 วัน