Skip to main content

กลับไปเยือนมหานครเหนือจริง (2) วันหนึ่ง เด็กหญิงกลายเป็นเจ้าสาว

มหานครให้ที่พักพิงเจ้าสาว…  ผมแทบไม่เชื่อสายตาว่า เด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่ชอบกินข้าวหน้าจอทีวีนานๆ   อ้าปากหวอ มือค้างอากาศคาจอภาพ ใครตำหนิก็แลบลิ้นใส่แทนคำตอบ  ข้าวหนึ่งจานใช้เวลานานมาก  ขณะแม่เธอกำลังซักผ้ากะละมังใหญ่เรียงกัน


 


แม่เธอเป็นพนักงานบัญชีในศาลคดีเด็ก (แห่งหนึ่ง)  นอกเวลางานก็รับงานจ้างซักผ้า  กะละมังกับสองมือเลี้ยงดูเด็กสามคนจนโต  ผมผ่านไปเห็นตอนเด็กสามคนโตแล้ว  ผมใช้ห้องมืดๆ ซุกเป็นซอกหลืบอยู่ติดห้องน้ำ  เป็นที่นอนกลางคืนเท่านั้น  ช่วงเวลากลางวันผมไปเรียนหนังสือ  ก่อนนอนผมไปขอแสงสว่างจากหลอดไฟหน้าอาคารห้องขัง


 


กำแพงสี่เหลี่ยมสูงลิบ ขังเด็กและเยาวชนไว้ข้างใน หลายคนอยู่ในวัยเดียวกับผม  บางวันเราสวนทางกัน  ผมอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน ขณะพวกเขาอยู่ในชุดนักโทษ


 


เหตุผลจับมือผมลากไปยังมหานคร  คือใบหน้าเด็กหญิงที่วันนี้กลายเป็นเจ้าสาวไปแล้ว  โอ .. 24 ปี เราไม่พบหน้ากันยี่สิบปีเชียวหรือ  ไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้ถึงเพียงนั้น  ผมนับนิ้วมือนับปีพอศอแล้วน่าใจหาย  ผมปล่อยเวลาให้นานผ่านเลยจนแทบลืมเลือน 


 


ผมไปอยู่ที่ไหนมา!!??..


 


เขาต้องกินขนมมากกว่าคนอื่น  ขนมวางอยู่สองชิ้นในจาน  เขาต้องกินชิ้นครึ่ง  พี่สาวเธอบ่นตัดพ้อบ้างบางวัน  ที่ขนมเหลืออยู่น้อยชิ้น  เป็นขนมถาดเจ้าอร่อย  หลังข้าวมื้อเย็นทุกวัน  มีขนมตบท้าย  คนออกไปซื้อขนมคือผมเอง  ไปกับรถจักรยาน


 


กว่าขนมจะถึงประตูห้องแถว  ผมต้องปั่นหนีหมาตัวร้ายสองตัวทุกครั้ง  มันไล่หูตั้ง  อย่างกับโกรธแค้นกันมานาน  เจ้าของหมาเป็นผู้คุม  เสียงจักรยานดังเอี๊ยดผ่านหน้าบ้านไม้หลังสีขาวนั้นเมื่อไหร่  ผมเตรียมตัวกวดห้าสิบเมตรได้เลย  มันวิ่งไล่เร็วจี๋  ผมรู้สึกเหมือนอยู่บนนาทีลู่วิ่งเข้าเส้นชัยในสนามแข่งขัน


 


แต่แปลก  ถ้าผมเดิน  มันกลับไม่ไล่  หรือมันไม่ชอบเสียงจักรยานคันที่ผมขี่ผ่านหน้ามัน


 



 


เจ้าสาววิ่งเข้ามาทักทาย  สีหน้าแววตาไม่เปลี่ยนไปเลย  หน้าหมวยๆ ผิวขาวๆ ดวงตาใสๆ พูดจาเร็วๆ ท่าทางตื่นตัวเคลื่อนไหวว่องไว  เด็กหญิงวัย 12 ขวบยังไม่หายไปเลย  พอนึกว่าเธอจะแต่งงาน  ใจผมหายวับหลบไปซุกอยู่ไหนไม่รู้


 


งานแต่งผ่านไปอย่างง่ายๆ  ประกาศให้ญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายได้รับรู้  พร้อมสินสอดทองหมั้น  คำอวยพร  และของชำร่วย   หากไม่เห็นชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว  ก็ดูไม่ต่างไปจากงานพบปะญาติพี่น้องดีๆ นี่เอง


 



 


มหานครไม่อนุญาตให้เด็กหญิงวัย 12 ในดวงตาผมขยับเขยื้อนทำอะไรมากนัก  อีกอย่างหนึ่งนั้น  เป็นความต้องการและตกลงกันทั้งสองฝ่าย  ว่าเน้นเรียบง่าย  ได้ความรู้สึกทางจิตใจ  แค่นั้นก็เพียงพอ


 


บ้านหลังคาเบียดชิดหลังคาชวนอึดอัด  ตรอกซอยรถวิ่งอยู่ตลอดเวลา  ยิ่งจำกัดวงสังสรรค์ให้อยู่แต่ในบ้านและริมขอบตรอกถนน  มหานครต้องดูแลคนจำนวนมหาศาล  ทุกพื้นที่เหมือนไม่มีที่ว่าง  ทุกพื้นที่มีคนอยู่  อยู่กันแน่นหนา  ต้องแบ่งๆกันไป 


 


มหานครต้องมีส่วนแบ่งให้ทุกคน ที่มีโอกาสใช้และได้รับสิทธิของตนเอง


 


จากศาลคดีเด็กและเยาวชนถึงมหานคร  ผมมีฉากชีวิตเช่นนี้ด้วยหรือ  นั่น  เป็นทางผ่านชีวิต  ในวันที่เด็กจากท้องไร่ท้องนาคนหนึ่ง  ไปขออาศัยห้องแถวน้อยๆเป็นที่หลับที่นอนเพื่อเรียนหนังสือในเมือง 


 


ยึดเอาห้องแถวที่มีสถานะพนักงาน-ผู้คุมดูแลความประพฤติเด็กในคุก


 


ผมอวยพรให้เจ้าสาว-เจ้าบ่าวครองรักกันไปนานแสนนาน  ไม่มีสูตรสำเร็จของการอยู่ร่วมระหว่างคนสองคนกลางมหานคร 


 


อาจมีส่วนแบ่งบางเรื่อง  ดูคล้ายส่วนแบ่งขนมเมื่อครั้งเราอยู่ในอาณาบริเวณรั้วคอกคุก 


"แบ่งขนมเป็นสองส่วนเท่าๆ กันนะ"  ผมพูดให้ย้อนนึกถึงความหลัง


"ค่ะ พี่บ่าว ตอนนี้กินขนมน้อยลง  ไม่เหมือนตอนเด็กนะ"  ยิ้มละมุมรู้ทันคำที่ผมพูด  ผมรีบสวนต่อไปอีกว่า "แบ่งรับแล้ว  อย่าลืมแบ่งสู้ด้วย"


 


เวทีมหานคร เวทีนอกคุกนั่นหรือ ไม่ใช่ส่วนแบ่งที่จะได้มาง่ายๆ  ถึงอย่างไร  เจ้าสาวที่มีเด็กหญิงวัย 12 อยู่ในแววตา  ได้ปักหลักสู้หน้าลงบนแดนดินนี้แล้ว  ผมขอให้เธอมีโชค  มีความสุข และถนอมความทุกข์ให้อ่อนโยนอย่างที่สุด