Skip to main content

กลับไปเยือนมหานครเหนือจริง (3) พ่อทิ้งลูกไป 19 ปี

ทันทีที่พบหน้าเขา เขายื่นพระเครื่องให้ผมทันที ..


มหานครนำพาพ่อลูกมาพบกัน ในวันแต่งงานของลูกสาว


ลูกสาวรู้ว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่จริง แต่อ้อมกอดพ่อหายไปตั้งแต่ลูกสาวอายุ 10 ขวบ ผมไปรับรู้เอาตอนที่ทุกคนรับสภาพได้ รู้ว่าคนปกป้องพวกเขามีแต่แม่เพียงคนเดียว



ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวดี รองเท้าหนังขัดมันวาววับ หิ้วกระเป๋าเจมส์บอน หวีผมเรียบมัน มาหาในตอนต้นเดือนของสองสามเดือนครั้ง หรือสี่ห้าเดือนครั้ง


การปรากฏตัวของเขา เรียกเสียงตื่นเต้นของลูกๆ เพียงชั่ววูบเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็ปกคลุมด้วยบรรยากาศซึมเซาอย่างรวดเร็ว


เหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในบ้าน เย็นเฉียบ และออกจะดูตึงๆ ด้วยซ้ำ


ตอนนั้น ผมไม่เข้าใจว่าคนเป็นพ่อหายไปไหน


แต่เขายื่นพระเครื่องให้ผมทันทีที่เห็นหน้า เหมือนเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า ผมไหว้รับเอาไว้ ผมไม่ได้เป็นนักสะสมพระเครื่อง แต่รู้ว่าเป็นองค์พระ พระอิฐพระปูนพระดิน หรือพระจริงก็ตาม อันเป็นสัญลักษณ์ศรัทธาที่ฝังใจผมมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ผมต้องรีบรับไว้


ส่วนหลักธรรมคำสอนก็เป็นอีกอย่าง เข้าไปให้ถึงสัจธรรมชีวิต ปฏิบัติได้ทุกขณะจิต เสาะหาเรียนรู้เพิ่มเติมกันชั่วชีวิต นั่น อยู่นอกเหนือพระเครื่องจะให้คำตอบ



เขาแก่ตัวลงมาก เป็นสัดส่วนกลับกับลูกๆที่กำลังโตเป็นหนุ่มสาว และกำลังจะออกเรือนไปอยู่กันตามลำพัง


ผมไม่รู้ว่าเขาเจ็บปวดกี่มากน้อย ที่เห็นลูกโตขึ้นมาจนถึงวัยแต่งงาน และกำลังจะออกไปเป็นแม่คน เวลาที่ล่วงเลยไปนาน เขาแทบหันหน้ามาใส่ใจลูกน้อยมาก มือแม่ซักผ้าต่างหาก พยุงลูกๆ ให้เติบโตกันมา


ผมรับพระเครื่อง มองหน้าเขา เขายิ้มไม่เต็มปาก หัวเราะไม่ร่าเริง มีความหม่นขุ่นมัวอยู่ในแววตา ผมไม่รู้ว่าเขาอยากวางตัวเองยืนอยู่มุมไหนของบ้าน เคียงข้างลูก อยู่หลังลูก หรือยืนนำหน้าลูก ขณะสายตาลูกๆเฉยชาเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยเห็น



พอคำประกาศเรียกพ่อเป็นสักขีพยานลูกแต่งงาน ให้พรชีวิต ให้แนวทางครองเรือน เขาจะพูดคำใดให้ลูกฟัง และเชื่อ


ผมจับจ้องแต่ตัวเขา สนใจว่าเขาจะพูดเรื่องใดให้ลูกฟัง เขายินดีกับเรื่องใด และให้ความหวังในเรื่องใดแก่ลูก สิ่งเดียวเท่านั้น ที่ผมเห็นเขาเรียกเอาตลอดเวลา คือเรียกมือถ่ายรูปมาเก็บภาพ เขายืนกับลูก เขายืนกับญาติ เขายืนกับแขกเหรื่อที่มาในงาน


เพียงวูบเดียวที่แสงแฟลชวาบขึ้น ผมเห็นความร่าเริงระบายจนล้นออกนอกหน้า


วันนี้ ต่างคนต่างเดินมาถึงวันวัยให้อภัยกันแล้ว ผมไม่ได้ยินเสียงใดอันส่อเค้าเสียดสีทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ทุกอย่างราบรื่น เหมือนชีวิตดำเนินมาปกติตลอดมา นั่นเป็นเรื่องดี อย่างน้อยลูกๆจะรู้ว่า ในชีวิตภายภาคหน้า เขาต้องเตรียมใจพบกับเรื่องใดบ้าง


เหตุผลพ่อทิ้งลูก มีร้อยแปดพันคำแก้ตัวให้สวยหรูดูชอบธรรม และดูดี แต่หนึ่งเหตุผลที่จะบอกให้ลูกรู้สึกดี ว่าชีวิตควรเริ่มต้น และดำเนินไปอย่างไรนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พูดออกมาง่าย แต่หัวใจจะไม่สะเทือนหวั่นไหวเลยนั่นหรือ


พ่อจะสอนเรื่องใดในสิ่งที่พ่อไม่เคยเชื่อมาตลอดชีวิต


เสียงกดชัตเตอร์ดังแต่ละครั้ง ดังบาดลึกเข้าไปถึงหัวจิตหัวใจใครบ้าง ไม่รู้ แต่ผมเห็นลูกเงอะๆงุ่นง่านทุกครั้งที่ยืนเคียงข้างพ่อ


ถ่ายรูป เก็บความทรงจำไว้ระลึกถึง



เหมือนตอนจบของละครฉากสุดท้าย เลือกเอากลางมหานครเป็นที่จัดแสดง ทำทีเหมือนว่าโลกวันนี้เป็นจริงที่สุด คืนวันที่ผ่านๆมานั้น ขอให้ลืมเลือนมันเสียเถอะ


ผมต่างหาก ได้พระเครื่องมาไว้ในมือ ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ให้ดูเหมาะเป็นที่เก็บของสูง ผมพบของหนัก และแสนจะยุ่งยาก กระเป๋าทุกกระเป๋าดูไม่เหมาะจะสอดใส่ไว้ กระเป๋าเสื้อกางเกงก็กลัวเผลอนั่งทับ วัตถุของสูงเป็นเช่นนี้เอง ให้อยู่ในระนาบต่ำติดดินในหนทางปกติได้อย่างไร