Skip to main content

กลับไปเยือนมหานครเหนือจริง (4) ครัวสูญ

ลูกชายผมเรียกป้า ผมเรียกน้า น้ามีสายเลือดจีน เหมือนแม่ เพื่อนและญาติของแม่ตั้งแต่ยังเป็นสาว โตมาด้วยกัน มีเรื่องชวนหัวมาด้วยกัน ว่าแม่หนีการคลุมถุงชนไปอยู่ไกลอีกจังหวัด นานเป็นปีๆ หวังให้ผู้ใหญ่ลืมเลือนและเข้าใจ แม่กับน้าขายข้าวต้มมัด ขายน้ำชากาแฟตามสถานีรถไฟด้วยกัน ทุกข์สุขคราวนั้นเอง ผูกมัดใจแม่กับน้าไว้นานถึงตอนนี้


มหานครดูแลน้าด้วยกิจกรรมซักรีดผ้า ให้ที่อยู่อาศัยย่านเคหะคลองจั่น บ้านเช่าสองชั้นออกแบบง่ายๆ ใต้ถุนสูงโปร่งโล่ง ริมรั้วปลูกกล้วยน้ำว้า มะนาว มะยม กระถิน ต้นไม้ในกระถาง ลานหญ้าในบ้านผืนน้อยๆ อยู่เกือบท้ายซอย ร่มรื่นสงบเย็นทีเดียว


 


แม่กับน้ามาพบกันอีกครั้งในวันแต่งงานของหลานสาว ผมได้มีโอกาสไปนอนบ้านน้าเป็นครั้งแรก


น้ามีลูกสามคน แต่มหานครทำลูกน้าหายไปคนหนึ่ง อีกสองคนชายหนึ่งเป็นพี่ หญิงหนึ่งเป็นน้อง น้าเลี้ยงดูลูกมาตามลำพัง ครัวน้าแตกเมื่อลูกคนสุดท้องยังเล็กมาก เรื่องเดิมๆพื้นๆ น้าผู้ชายพบคนใหม่ที่ถูกใจกว่า แล้วไม่กลับมาอีกเลย


น้ามีวิทยุเครื่องเก่าๆ ไว้เปิดเพลงลูกทุ่งเก่าๆ เปิดฟังรายการที่เกี่ยวกับยาสมุนไพรโบราณ อาการเจ็บป่วยไข้ การเยียวยารักษาสุขภาพ น้ามีเรื่องพวกนี้เยอะมาก รีดผ้าไปพลางฟังเพลงลูกทุ่ง ฟังตัวยาวัดนั้น อาจารย์ท่านนี้ สรรพคุณกินแก้ทานวดอย่างไร



วันหนึ่งลูกชายแยกย้ายไปสร้างครอบครัวใหม่


ลูกสาวคนเดียว น้าดูแลอย่างดี ด้วยหวังว่าจะมีโอกาสดีกว่าแม่ ไม่อาภัพเหมือนแม่ ไม่เหนื่อยเหมือนแม่ ส่งเรียนจนจบปริญญาตรี


ยังไม่ทันถักทอความหวังใดๆ เหมือนฟ้าฟาดลงโครมกลางหลังคาบ้านเช่าหลังนั้น น้าต้องจัดงานแต่งลูกสาวกระทันหัน เรื่องเดิมๆ พื้นๆ อีกแล้ว ฝ่ายชายไม่เต็มใจนัก แต่จำยอม


แล้วน้าก็ได้หลานตัวน้อยๆ หน้าตาน่าเอ็นดูมาอยู่ร่วมชายคาอีกคน


น้ายืนพื้นเลี้ยงหลาน ขณะพ่อของหลานก็เหินห่าง มีเวลามาผ่อนแรงช่วยน้อยมาก ทุกอย่างมีทีท่าจะดูคล้ายเหตุการณ์ที่เคยเกิดกับน้า ลูกต้องมาเดินตามรอยแม่อีกครั้ง



มหานครให้การดูแล อีกทางหนึ่งก็หยิบยื่นอาการผะอืดผะอมยาวนาน


น้ายังทำงานหนักเหมือนเดิม สิ่งเดียวที่เพิ่มเข้ามา นั่นคือน้ามีเวลานั่งสมาธิมากขึ้น มีเวลาผ่อนคลายด้วยนั่งนิ่งเงียบสงบ ปรับใจให้ยอมรับกับทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิต


ผมเห็นท่าที น้ำเสียง อารมณ์ความรู้สึกสม่ำเสมอ สงบเย็น ไม่ฟูมฟาย ไม่ร้อนรน มีความเบิกบานให้เห็นบ้าง กลืนความหม่นหมองไว้ลึกล้ำ น้าเป็นผู้ใหญ่ได้สมวัยเหลือเกิน


น้าตั้งโต๊ะพับขา ยกชากาแฟและขนมนานาเป็นอาหารเช้า ทุกเช้า น้าต้องทำอาหารให้เรากินกัน น้ามีฝีมือทำกับข้าวได้สารพัด ดูแลทุกคนให้อิ่มท้องได้ น้าพูดบ่อยๆ ลูกหลานมาบ้านต้องไม่อด


น้าทำอาหารพื้นถิ่นที่หากินยาก ข้าวยำ เต้าคั่ว ทำขนมหัวล้าน ข้าวต้มมัด แค่สองสามวันที่บ้านน้า น้าชวนทำกับข้าวกันราวกับจะมีงานเลี้ยงย่อมๆ สลับกับการซักผ้า รีดผ้า และเฝ้าดูแลหลาน


น้าบอกว่า อยู่มหานครไม่รู้กี่สิบปี แต่ออกไปเที่ยวเดินห้างอะไรอย่างนั้น ไม่อยากไป อย่างดีก็ออกไปพบหน้าญาติๆ ยามมีงานการขึ้นมาเท่านั้น



โลกของน้า เล็กๆ เงียบๆ ง่ายๆ ดิ้นรนแต่ไม่ร้อนรน แม้จะมีความหม่นหมองเป็นพะเรอเกวียน แต่ผมไม่เห็นน้าแบกมัน ผมเห็นแต่น้ามองมัน ดูแลมัน ไม่กราดเกรี้ยวใส่มัน ไม่ตำหนิต่อว่าด่าทอชะตากรรม


ผมเห็นน้าเป็นคนของปัจจุบันขณะอย่างแท้จริง เป็นคนมหานครที่เหมือนไม่ใช่คนอยู่มหานคร น้าพูดถึงอนาคตน้อยมาก อะไรจะเป็นก็เป็นไป น้าพูดถึงทุกข์สุขในอดีตด้วยอารมณ์ชวนหัว นึกสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร


ผมไม่รู้ว่า มหานครมีส่วนทำให้น้ากล้า แกร่ง สงบเย็นลงได้อย่างไร แต่ธาตุของความเป็นน้านั้น ใครผ่านไป -- รับรู้ได้ด้วยทุกท่วงท่าการงาน


ครัวสูญ แต่ยังมีชีวิตอยู่


มหานครไม่ให้ทุกอย่างในชีวิต แต่ผมเห็นน้าเลือกทุกครั้งที่มีทางให้เลือก ถ้าไม่มีทางให้เลือก ผมเห็นน้ายอมรับมัน เผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา เก็บเสียงคร่ำครวญไว้ลึกสุด ไม่ให้ผ่านทางลัดมากระทำย่ำยีให้มากไปกว่านั้น