Skip to main content

กลับไปเยือนมหานครเหนือจริง (5)

เขาเริ่มต้นจากโรงงานทำของเด็กเล่น บนถนนโรงงานแถบบางพลี นานผ่านเวลากว่า 20 ปี เขาก็ยังอยู่ที่นั่น จนเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของเล่น เขาเล่าให้ผมฟังถึงเม็ดพลาสติก น้ำยาเคมี การฉีดสี แม่พิมพ์ ฯลฯ แต่ละขั้นตอนชวนให้งงสงสัย

ของเล่นแต่ละชิ้นออกเดินไปทั้งในและนอกประเทศ


เขาเคยยกกองคาราวานรถยนต์ใส่กล่อง ส่งมาถึงประตูบ้านผม เด็กชายวิ่งโร่เข้าไปหาด้วยแววตาเปล่งประกาย และมีคำถามว่าฝูงรถยนต์จำนวนมากมายเหล่านี้ เข้ามาในกล่องได้อย่างไร ตั้งแต่นั้นมา เขากลายเป็นเป็นคนแรกๆ ที่ลูกชายถามถึง หากมีเหตุให้ต้องลงไปมหานคร


"เพื่อนคุณพ่อที่มีของเล่นเยอะๆ เพราะอะไรเหรอถึงมีของเล่นเยอะ" เด็กชายเริ่มต้นถามถึงตั้งแต่อยู่บนรถไฟมาแล้ว
"
ตอนเด็กๆเพื่อนพ่อไม่เคยมีของเล่น" ผมตอบลูกชาย
"
อ๋อ…"


เงียบไปพักใหญ่ก่อนถามต่อว่า เพราะอะไรเหรอ
"
พ่อกับเพื่อนคุณพ่อ อยากเล่นอะไรก็ต้องทำมันขึ้นมาเอง เอากระป๋องนมมาทำเป็นล้อรถลากไปได้ทั้งวัน เอาล้อรถมากลิ้งไล่ตาม" ผมแจงของเล่นแต่ละอย่างให้ลูกชายฟัง เขาทำตาเพลิด สนใจอยากรู้อย่างยิ่ง
"
แล้วของเล่นเป็นรถมีมั้ย"
"
ต้องทำเอง"..


ผมกับเพื่อนที่ลูกชายพูดถึง เราโตมาด้วยกัน ทั้งช่วยดำนาเกี่ยวข้าว สนิทกันเสมือนเป็นครอบครัวเดียว เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสเรียนต่อ พอจบม.5 ก็เข้ากรุงเทพมหานคร แล้วชีวิตก็วนเวียนอยู่แต่ในโรงงาน



หลายปีก่อน ผมไปพักอยู่ในห้องแถวบนน้ำครำเยี่ยงนกจรตัวหนึ่ง เขาให้น้ำให้ข้าวกิน โดยไม่เคยปริปากให้เพื่อนเจ็บช้ำใจ ว่าเรียนจบออกมาแล้วทำไมไม่ใช้วิชาไปสอบทำงาน มามัวเสียเวลาเดินทางค่ำไหนนอนนั่น ค้นหาปรัชญาชีวิตให้เปล่าเปลืองไปทำไม


ไม่เคยเลยสักครั้ง ผมผ่านไปฝากท้อง และอาศัยเป็นที่หลับที่นอนจนนับครั้งไม่ถ้วน เขาเก่งฉกาจในเรื่องการหาปลา ทั้งตกปลา ลงแห สุ่ม ไซดักปลา เวลาว่างเราก็ออกไปตามคลองในมหานคร ผ่านทุ่งดงปรือ ทุ่งหญ้าโล่งๆ ไปให้ถึงหนองน้ำ คลองที่เต็มไปด้วยผักบุ้งหรือไม่ก็ผักตบชวา ตระเวนผ่านไปประเวศ ไปถึงมีนบุรี ไปกับเจ้ารถมอเตอไซค์


ทุกครั้ง เราได้ปลามามากมาย แจกเพื่อนร่วมห้อง ทำอาหารกินกัน


เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญหาแหล่งปลาแถบชานมหานครราวกับหลับตาเห็น ระยะหลังๆเขาไปไกลกว่านั้น ไปถึงทะเล ตามเกาะต่างๆ ไปตกปลา


เราพูดชวนหัวกันทุกครั้งที่ออกไปหาปลา ว่าไม่น่าจะมาเหวี่ยงแหอยู่ในกรุงเทพ มันเป็นไปได้อย่างไร เราจะก้าวหน้าในชีวิตไปได้อย่างไรนะเนี่ย เปล่า เราไม่ได้พูดด้วยเสียงเคร่งเครียด แต่ออกจะรู้สึกไปในทางขำๆขันๆ


เราเคารพในกันและกันสูงมาก เขาอยู่กับชีวิตจริง ขณะผมท่องไปในโลกของความฝัน แต่กินปลาที่จับมากับมือด้วยกัน


เขาพบเพื่อนชีวิตในมหานคร แต่งงานและมีลูก เขาก็ยังมีเครื่องมือหาปลาเต็มบ้าน เบ็ดตกปลาเรียงเป็นแถว แหหลายปากพร้อมจะงาบปลาได้ทั้งน้ำลึกและน้ำตื้น



หลายครั้งที่ผมลงไปมหานคร ไปร่วมบนเวทีเพลงบ้าง งานที่เกี่ยวกับตัวหนังสือบ้าง ดูช่างเป็นโลกอันเต็มไปด้วยเรื่องเหนือจริง แล้วผมก็แวะไปเยี่ยมเพื่อนคนนี้ โลกบนผืนดินอันจริงเหลือเกิน แล้วเขาจะชวนออกลุยโคลนหาปลาลูกเดียว มีข้อเสนอใหม่ๆมาให้ เช่น พบบ่อใหม่ พบแหล่งน้ำใหม่รับรองไม่พลาดแน่ๆ


เช่นกัน งานผลิตของเด็กเล่นก็เป็นไปด้วยดี เขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ ว่าจะไม่ทำให้เครื่องจักรที่มีราคาเป็นล้านๆ เสียหายเป็นแน่ พร้อมกับมีลูกมือที่ต้องดูแลอีกเป็นฝูงทีเดียว เขาพูดทีเล่นทีจริงว่า สงสัยช่วงเด็กๆไม่เคยมีของเล่นเหมือนคนอื่น พอเป็นผู้ใหญ่ก็อยู่กับของเล่นมันเสียเลย


เขามีตู้เก็บของเล่น โดยเฉพาะตู้เหล่ามนุษย์จอมพลังทั้งหลาย ปิดประตูใส่กุญแจไม่ให้ใครยุ่ง บางตู้เปิดกว้างไว้ให้ลูกเล่นอยู่ตลอดเวลา

ตอนที่ลูกชายไปถึงบ้านเขานั่นเอง ช่างเต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น เสียงใสเป็นสุขที่ได้อยู่ในดงของเล่น ที่สำคัญนั้น ตู้ของเหล่ามนุษย์จอมพลังได้ถูกเปิดออกมาให้ดูชมด้วย โอ้โห -- เจ้าลูกชายไม่ต้องทำอะไรอื่นกันแล้ว



ลูกชายได้รับมอบเจ้าหุ่นสีสันจัดจ้านมาหนึ่งตัว กอดมัน ถอดประกอบมัน ราวกับว่ามันเป็นหุ่นมหัศจรรย์ที่พร้อมจะเคลื่อนไหวได้สมใจนึก ทั้งปล่อยแสง ทั้งส่งเสียง เปลี่ยนร่างได้หลายร่าง ยอดมนุษย์จริงๆ นำไปใส่กระเป๋า ห่มผ้าให้มันเรียบร้อย