Skip to main content

ปลายทางที่ 'ลำพูน'

คอลัมน์/ชุมชน


หากใครที่เคยเกิดในครอบครัวใหญ่ที่มีพี่น้องมากกว่าสองคนขึ้นไป อาจจะเคยสัมผัสความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือเกิดการเปรียบเทียบระหว่างพี่ๆ น้องๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาตามประสาคนในครอบครัวเดียวกัน


ถ้าหากเราบังเอิญเป็นลูกคนกลางหรือน้องคนเล็ก ที่ไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบพี่คนโตได้ ทั้งรูปร่างและความสามารถ เนื่องจากความสามารถอันครบถ้วนรอบด้าน นอกจากนี้ใครๆ ต่างก็พากันรุมล้อมหลงรักพี่คนโตจนแทบจะไม่เหลือที่ในใจไว้ให้เอ็นดูใครได้อีก ผมว่าถ้าโดนอย่างนี้ปุถุชนน้อยคนนักที่จะไม่หวั่นไหว


หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเกริ่นเพราะเราคุ้นเคยดีเหลือเกินกับ การเปรียบเทียบว่าเมืองเชียงใหม่เป็นพี่ใหญ่ ขณะที่มีเมืองลูกไล่หรือน้องน้อยเป็นลำพูน ซึ่งยากจะเปรียบเทียบรัศมีในด้านต่างๆ ของเชียงใหม่ได้


ด้วยเหตุนี้เองบ่อยครั้งแม้จะแอบตั้งใจไว้ว่าปลายทางของการเดินทางคือลำพูน แต่เราก็อดใจไม่ได้ที่จะเดินทางไปลำพูนอย่างอ้อมๆ ด้วยการไปถึงเชียงใหม่ก่อน เถลไถลเพลิดเพลินไปกับแสงสีและรูปแบบชีวิต กิจกรรมต่างๆในเมืองใหญ่ก่อนแล้วค่อยวกวนหาหนทางผ่านไปสู่เมืองน้องน้อยลำพูนที่อยู่ห่างออกไปเพียง 30 กิโลเมตร


ถึงทุกวันนี้ผมไม่แน่ใจว่ากระแสความคิดความรู้สึกเชิงเปรียบเทียบระหว่าง (คน) เชียงใหม่กับ (คน) ลำพูนในลักษณะน้อยเนื้อต่ำใจ หรือรู้สึกว่าอีกเมืองหนึ่งใหญ่กว่าดีกว่า มีอะไรมากกว่าจะหลงเหลืออยู่สักกี่มากน้อย แต่เมื่ออีกครั้งที่ตั้งใจว่าจะออกไปเที่ยวลำพูน ประสบการณ์และความทรงจำเดิมๆ เกี่ยวกับเมืองนี้ก็หลั่งไหลออกมา


เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ผมเคยได้ไปเที่ยวเล่นบ้านของญาติผู้ใหญ่ของเพื่อนซึ่งมีภูมิลำเนาที่เชียงใหม่ แต่บ้านของญาติเขากลับเป็นสวนลำไยที่กว้างขวางและกำลังให้ออกผลดกดูน่าเก็บน่ากิน บ้านหลังนั้นอยู่ในเขตอำเภอป่าซางของลำพูน ผมยังจำทางสายแคบๆ ที่ไม่ค่อยมีรถยนต์พลุกพล่าน และมีบ้านไม้หรือบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนของชาวบ้านเรียงรายอยู่ตามสองฟากถนน โดยที่หลังบ้านต่างๆ เหล่านี้ก็คือสวนผลไม้ โดยเฉพาะลำไยที่ให้ผลผลิตสร้างชื่อเสียงแก่ชุมชนมานมนาน


ครั้งนั้นพวกเราซึ่งไปเที่ยวเล่นบ้านญาติเพื่อน นอกจากจะได้เก็บลำไยกินกันแบบเต็มอิ่มแล้ว ยังได้ลงเรือที่พาวิ่งออกไปชมทัศนียภาพของขุนดอยตามลำน้ำปิงยามที่ไหลผ่านป่าซาง ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่ง


หลายปีถัดมาเมื่ออยู่ในวัยทำงานด้วยอาชีพสื่อมวลชน ผมมีโอกาสได้ผ่านกลับไปยังลำพูนอีกหลายหน และหนแล้วหนเล่าก็เป็นการเดินทางเข้าสู่ชุมชนที่ทำหน้าที่ในการดูแลป่าด้วยการจัดสรรหน้าที่ระหว่างคนในหมู่บ้านเพื่อช่วยกันดูแลป่าชุมชนของพวกเขาเอาไว้


เมื่อมีโอกาสได้นอนในหมู่บ้านริมป่าเขาหลายๆ วัน และได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างใกล้ชิด แม้จะต้องคอยมองหาประเด็นเพื่อนำกลับไปรายงานข่าว แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สุขสงบของชีวิตในอีกด้านหนึ่ง


ความทรงจำเกี่ยวกับลำพูนจึงเหมือนถูกแบ่งคั่นออกไปช่วงๆ ตามลำดับเวลา ไม่ต่อเนื่องแต่ก็ไม่เคยหลงลืมหรือขาดหายไปจากความคิดภายใน


วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้การเดินทางสายสั้นๆ บ่ายหน้าออกจากเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่เพื่อไปลำพูนในช่วงกลางวันๆ จึงได้เกิดขึ้น...


เราไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัดเนื่องจากไม่มีธุระการงานมาคอยกำหนด แต่ก็ไม่วายที่จะตั้งเป้าให้กับตัวเองว่าจะไปลำพูนทำไมเพื่อไม่ให้เป็นการเดินทางที่เลื่อนลอยเกินไป


วันนี้มีร้านอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารทางเลือกที่ชื่อ "โขงสาละวิน" ซึ่งดำเนินการโดยคุณกัลยา ใหญ่ประสาน หรือพี่อ้อยที่นับถือกันกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากหยุดไปนานถึง 5 ปี ร้านนี้ตั้งอยู่ถนนสันเหมือง ซึ่งเป็นทางสายเล็กๆ ถัดออกจากจากถนนในเมืองลำพูนนั่นเอง


ผมตั้งใจว่านอกจากไปรับประทานอาหารมังสวิรัติฝีมือดีๆ บวกกับข้าวดอยหุงอร่อยๆ แล้ว การเดินทางครั้งนี้ที่ลำพูนจะแวะไปนมัสการพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาว " หละปูน" มาเนิ่นนานอีกด้วย


เมื่อเดินทางถึงเมืองลำพูนเราก็ตื่นตาตื่นใจกับความสงบของเมืองและร้านรวงสมัยใหม่ในบางย่านที่ตั้งอยู่กลางเมืองแต่กลับมีโครงสร้างอาคารเก่าแก่แบบร้านค้าพาณิชย์ในยุคก่อนๆ ตึกหรือบ้านหลายหลังที่ได้พบเห็นกลางเมืองลำพูน แม้จะมีกลิ่นอายที่ร่วมสมัยในความเก่าเช่นเดียวกับหลายเมืองทางภาคเหนือ แต่มีเอกลักษณ์แบบบ้านคนลำพูนแฝงอยู่


ถ้าใครได้มีโอกาสเข้ามาที่ตัวจังหวัดลำพูนย่อมรู้สึกได้ว่าลำพูนเป็นเมืองที่เป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง แม้โดยลักษณะที่ตั้งเมืองจะตั้งอยู่ริมน้ำกวงเช่นเดียวกับการตั้งบ้านเมืองสมัยก่อน แต่ถนนสายที่นำเราเข้าไปสู่เส้นรอบคูเมืองที่มีทั้งโรงเรียน ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นถนนที่มีความยาวและความต่อเนื่องของอารมณ์ไปจนถึงถนนเส้นที่วิ่งผ่านตัวเมืองหลังจากเข้าสู่กำแพงและคูเมืองมาแล้วเรื่อยไปจนสุดที่ถนนริมคูเมืองอีกฟากหนึ่ง อันเป็นที่ตั้งของตลาดสดและอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี


ลำพูนอาจจะไม่มีตึกสูงหลายๆ ชั้นหรือห้างใหญ่ทันสมัย หรือแม้แต่สะพานให้รถข้าม อุโมงค์ให้รถลอดเหมือนเชียงใหม่ ลำพูนมีแต่ถนนที่แลดูสามัญธรรมดา ซ้ำยังไม่กว้างขวางนัก แต่กลับให้ความรู้สึกหย่อนใจกว่าการโดยสารรถที่วิ่งอยู่ในเชียงใหม่อย่างยิ่ง


หลังจากวนรถอยู่สักพักเพื่อหาถนนสันเมืองอันเป็นที่ตั้งของร้านโขงสาละวิน เราก็ประสบความสำเร็จจากการมองเห็นป้ายผ้าแขวนบอกตำแหน่งอยู่ที่ข้างตึกแถวจากถนนเส้นกลางเมือง รถวิ่งต่อมาอีกประมาณเกือบหนึ่งกิโลเมตรก็เข้าสู่เขตเงาอันร่มรื่นและบรรยากาศที่ดูแปลกใหม่ของโขงสาละวิน


จากอดีตที่มากกว่า 5 ปีก่อนที่เคยมาเยือนที่นี่ บ้านหรือโรงเรือนต่างๆ ยังน้อยกว่าปัจจุบันและดูเป็นสวนที่อยู่อาศัยมากกว่า ในวันที่ฟื้นคืนกิจการอีกครั้งพี่อ้อยและสมาชิกในบ้านได้ปลูกสร้างโรงเรือนในลักษณะรูปทรงและสีสันที่กลมกลืนไปกับชุมชนและสภาพแวดล้อมขึ้นมาใหม่หลายหลัง เพื่อใช้เป็นที่พักและสถานที่สำหรับจัดทำการฝึกอบรมเยาวชนหรือชาวบ้านที่มีการติดต่อประสานงาน หรือแม้กระทั่งยุ้งข้าวที่ยังใช้เก็บข้าวที่ได้มาจากบนดอยจริงๆ นั้น ด้านล่างก็ถูกแปรเป็นชุดเก้าอี้นั่งของร้านอาหารได้อย่างลงตัว


ทุกวันนี้อาหารของร้านโขงสาละวินไม่ได้มีเฉพาะอาหารมังสวิรัติแล้ว แต่ยังมีอาหารที่แปรรูปจากเนื้อปลา ไก่หรือหมูอีกหลายรายการ แต่เมื่อได้ฟังจากเจ้าของร้านเองที่บอกว่าแม้จะเป็นเนื้อสัตว์แต่ก็เน้นให้เป็นเนื้อที่ได้จากสัตว์ที่มีการเลี้ยงแบบอินทรีย์ มิใช่ซื้อหามาจากฟาร์มใหญ่ๆ มากกว่า ส่วนผักสดและผลไม้นั้นผมคิดเอาเองว่าน่าจะมาจากเครือข่ายเกษตรกรผักอินทรีย์แถบลำพูนหรือจากการปลูกขึ้นเองของโขงสาละวิน


เมื่ออิ่มทั้งท้องและความสุขใจจากการได้มาแวะเยี่ยมเยียนและเสวนากับเจ้าของร้านเสร็จแล้ว เราขอตัวเพื่อเดินทางไปวัดพระธาตุหริภุญชัยต่อ ซึ่งวัดแห่งนี้นอกจากจะมีเจดีย์เก่าแก่และมีชื่อเสียง เป็นเจดีย์ประจำปีเกิดสำหรับผู้ที่เกิดปีระกาแล้ว ยังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุมากมายควรค่าแก่การแวะเยี่ยมชม


ผมชื่นชอบหอระฆังของวัดแห่งนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นรูปทรงสถาปัตยกรรมทีแปลกตา และมีสีสัน ต่างจากรูปทรงของวิหารหรือหอไตร กระทั่งตัวพระธาตุเอง ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับพระธาตุอื่นๆ ทางภาคเหนือ แต่ว่าสูงใหญ่และเหลืองอร่ามด้วยสีทอง ตัดกับสีของแดดและท้องฟ้าตอนบ่ายต้นๆ ที่เต็มไปด้วยความระอุร้อน


หลังจากไหว้พระเสร็จ เราพากันขับรถออกนอกเมืองไปตามถนนสายที่จะนำไปสู่อำเภอป่าซาง เจตนาก็เพื่อจะรำลึกความหลัง แต่พอออกนอกเมืองไปได้ไม่ไกลนักก็เห็นป้ายคำว่าเฮือนสมุนไพร ซึ่งเป็นทั้งที่ให้บริการนวดแผนโบราณและโรงเรียนสอนการนวด และยังมีการทำสปาแบบไทยๆ รวมทั้งเปิดเป็นโฮมสเตย์อีกด้วย จึงไม่รอช้าที่จะเลี้ยวรถเข้าไปดู


ในเฮือนสมุนไพรที่อยู่ห่างจากตัวเมืองลำพูนไม่ไกลนัก ตั้งอยู่ในบรรยากาศของบ้านสวนที่มีการดูแลทั้งในส่วนของสวน ศาลานั่งเล่นและบ้านไม้ตัวอาคารหลายหลังที่ใช้เป็นที่พักและโรงนวดเป็นอย่างดีและเต็มไปด้วยความสงบเงียบ เป็นที่หลบร้อนและน่านั่งหย่อนใจแม้จะไม่ได้นวดตัวหรือทำสปาก็ตาม วันนั้นเป็นยามบ่ายของวันราชการแต่ก็ยังมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาทำสปาและใช้บริการนวดแผนไทยกันอยู่เนืองๆ เมื่อไปถึงที่เราจึงไม่รอช้าที่จะลองใช้บริการดูบ้าง


ขากลับเข้าเชียงใหม่ในยามตะวันชิงพลบ เราเลือกเส้นทางสายเก่าระหว่างลำพูนกับเชียงใหม่ ซึ่งจะต้องผ่านอำเภอสารภีโดยมีต้นยางสูงตระหง่านฟ้านับร้อยๆ ต้นยืนเรียงรายของสองข้างทาง ต้นไม้โบราณเหล่านี้ในความรู้สึกของผมเหมือนกับผู้ใหญ่ที่กำลังมองลงมาที่เด็กๆ อย่างพวกเราด้วยความเอ็นดู อิสรภาพของชีวิตกับวันวันหนึ่งที่ได้ไปใช้เวลาที่ลำพูน ทำให้ผมอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ระหว่างลำพูนกับเชียงใหม่ใครมีดีมากกว่ากัน ความคิดเช่นนี้น่าจะถูกปล่อยวางลงและแต่ละแห่งแต่ละที่ คนในแต่ละชุมชนก็นำเสนอหรือใช้ชีวิตไปตามรูปรอยหรือแนวทางที่ตัวเองเลือกให้สร้างสรรค์และสอดคล้องไปกับความเป็นไปจริงๆ ที่เป็นอยู่ของแต่ละเมืองน่าจะเป็นทางที่น่าชื่นชมและเหมาะสมกว่า



ฟ้าใสแดดสวยที่ลำพูน



โขงสาละวิน



วัดพระธาตุเจดีย์หริภุญชัย



พระธาตุเจดีย์หริภุญชัย



หอระฆัง



เก้าอี้คอยที่เฮือนสมุนไพร



สุข..สงบ