Skip to main content

กลับไปเยือนมหานครเหนือจริง (จบ) รถไฟสายไม่ยอมงอ

ในที่สุดผมกับลูกชายก็ได้เวลาออกจากมหานคร …

อย่าแปลกใจไปเลย ว่าเราจะทิ้งเรื่องขำขมุกขมัวและขำกลิ้งกระจุยกระจายไปง่ายๆ มหานครในช่วงเวลาสั้นๆ แต่แสนนานในความฉับไวของชีวิตผู้คน หากปล่อยให้ยืดเยื้อกว่านี้มีหวังบูด มีราเห็ดจับตามตอนไม่รู้จักจบเสียที



ฉากอำลาจะเอาอะไรมาขอบคุณมหานครดีนะ ต้องขอบคุณมหานครที่ให้ความขี้เล่น และเป็นจริงเป็นจัง โลกสมมุติที่อยู่กลมกลืนกับโลกจริง ความคลุมเครือที่ดูไร้ญาติขาดมิตร แต่ดูเหมือนเต็มไปด้วยญาติและมิตร


ผมกับลูกชายผ่านไปบนฉากเล็กๆของมหานคร ไปร่วมชีวิตเล็กๆที่ดูเหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความเป็นไปของรัฐบาล หรือคณะมนตรีความมั่นคง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปมีส่วนร่วมรู้เห็นในร่างรัฐธรรมนูญข้อไหนได้บ้าง


วนเวียนอยู่ริมขอบมหานคร หมุนว่อนวันต่อวันจนแทบตกขอบลงทะเล



เรายังคงเป็นกลุ่ม ป ปลาประชาชนหลงฝูงรับได้ทุกเรื่องราว ค คนใต้ถุนมหานครคับติ้ว และญ ญาติหญิงชายขายแรงของเรา .. มหานครไม่ได้ทิ้ง ญ ญาติให้เปล่าเปลี่ยวเกินไป และไม่ได้เอารัดเอาเปรียบ พ เพื่อนจนลืมความหมายของเพื่อน


ผมจึงไม่ขอฟันธงอย่างที่หลายๆคนบ่นอุบถึงมหานครตัวดี แออัดวุ่นวาย ร้อนเป็นไฟ แย่งเป็นยุง ไม่แบ่งปัน เพราะถึงอย่างไร ผมเดินไปบนเส้นทางพอมีความเย็นอยู่มาก ไม่แออัดเกินไป ไม่วุ่นวายนัก อีกทั้งไม่ร้อนรน และมีการแบ่งปันกันค่อนข้างสูง


มุมของผมที่ผ่านไปพบมหานครคราวนี้ จึงจัดอยู่ในประเภท เอ็กโซติกมหานคร ได้อย่างไม่ต้องอายว่าจะบอกใคร


ญ ญาติชุดสุดท้ายอยู่แถบตลิ่งชัน สองพ่อลูกนอนฟังเสียง ก กบ กับ ข เขียดกันทั้งคืน ห้อมล้อมด้วยกอกก จอกแหน นาตะไคร้ ป่ากล้วย ป่าหญ้ารกร้าง เหมือนนอนอยู่บ้านท้ายนา


มหานครที่เราไปพักค้างแรม ล้วนเป็นมุมน่ารักมากกว่าน่าชัง


แต่เรื่องตื่นเต้นก็ตามมาเขย่าขาเอาจนได้ เมื่อต้องฝ่าฝูงรถยาวเหยียด เพื่อไปให้ทันเวลารถไฟสปรินเตอร์เที่ยวเช้า ออกจากหัวลำโพงเวลา 08.30 . คาดหวังว่าจะนั่งชมวิวสองข้างทางกับลูกชาย มีข้าวเที่ยงพร้อมบริการ รวมไปถึงกาแฟและขนม ช่างเป็นขบวนรถไฟเริงรมย์เสียจริง สอดคล้องกับ ค คนรักสบายอะไรเช่นนั้น แม้รู้ทั้งรู้ว่าต้องนั่งหลังขดหลังแข็งนานถึง 8 ชั่วโมงเต็มๆ


โน่น ไปถึงเชียงใหม่ราวๆ 2 ทุ่ม


เหลือเวลาอีก 5 นาที รถยังวนเวียนอยู่แถวๆถนนเยาวราช (หรือเปล่า? ที่ที่ขายทองรูปพรรณกันเยอะมากน่ะ หากไม่ใช่ขออภัยด้วยครับ หักในรายเชยย้อนรอยมหานครไปก็แล้วกันครับ) ทำอย่างไรดีหนอ ญ ญาติคนขับรถจัดอยู่ในประเภทเย็นเป็นวุ้น พยายามให้ละลายเป็นน้ำได้ยากมาก เหลือแต่จะกลายเป็นน้ำแข็งเท่านั้น


พูดง่ายๆว่า ร้อนนั้นเรื่องยากมาก



เขาขับรถด้วยมารยาทศิษย์วัดควรเขาหลง ไม่แซงใครง่าย ไม่วัดใจแหย่หัวปาดหน้า-ซ้าย-ขวา คอยไฟเขียวได้อึดที่สุด ความเร็วอย่างแสนจะพอเพียง ไม่น่าจะเกินเลย 40 กม./ชม. ขับไปยิ้มไป ไม่เครียด หัวใจไม่อลเวง มือกำพวงมาลัยได้นุ่มนวล หากเป็นจังหวะแทงโก้ก็น่าจะเป็นแทงโก้เก๋ากึ๊ก จะมาแด้นส์ ฮิบฮ็อบให้เหนื่อยจนไส้เลื่อนท่าจะยาก


ห้า(5)นาที ไม่ใช่ขาแด้นส์ แต่เป็นขาแทงโก้ น้ำเสียงออกจะตกร่องเช่นนี้ พ่อมองหน้าลูก พลางบอกอยู่ในใจว่า สงสัยต้องกลับไปนอนฟังเสียงกบเสียงเขียดอึ่งอ่างอีกรอบแล้วลูกเอ๋ย มอ ม้ามหานครยังอยู่ในกำมือของเรา


พอรถจอดเทียบชานชาลา เวลาก็ล่วงผ่านเลยเวลาไปเกือบ 10 นาที


ไม่เห็นรถไฟขบวนที่เราจะไปจอดให้เห็น แต่คนยังอออยู่ข้างรางเหล็ก รอรถขบวนใหม่แน่ๆ รถสายไปแล้วกระมัง


ถามเจ้าหน้าที่ถือธง
โอ -- รถยังไม่เข้า ต้องรออีก 10 นาที
ช โชคมาสาย จนได้รับโชคจนได้ ..


ขอบคุณหัวอกมหานคร ขอบคุณเจ้ารถไฟไม่ตรงเวลา ขอบคุณการมาสายอันหวานชื่น ฉึกฉั่กๆไปเถอะ ถึงฉั่งไม่ถึงฉั่งไปเถอะ ฉั่งๆๆ ก็ช่าง ออกมาจากร่มเงามหานครเสียที