Skip to main content

กกต.ไม่ต้อง น้องทำเอง

คอลัมน์/ชุมชน

พูดถึงฝีมือการทำงานของ กกต.ยุค "ท่านผู้นำรีเทิร์น" นี้ มองไปทางไหนก็มักเห็นแต่คนส่ายหน้าราวพัดลม (เก่าๆ) ของน้องพลับ


เพราะนอกจาก กกต.เอาผิดจั๋งหนับในกรณีที่คน "สรรเสริญ" ทั้งเมืองไม่ได้แล้ว (กรณีไหน เดี๋ยวจะว่าให้ฟัง) ยังดูเหมือนพยายามไปไล่เบี้ยเอาผิดกับ "พรรค ๒๐๑" ราวกับจะตัดยอดให้ฝ่ายแค้นมีคะแนนน้อยกว่า ๑๒๕ ให้จงได้


แม้ กกต. จะทำงานไม่เป็นดังคาด (รึว่า ใคร ๆ ก็คาดไว้ประมาณนี้แหละ) คือเอาผิดผู้สมัครในทางกฎหมายไม่ได้ แต่ข้อมูลที่ปรากฏทางสื่อสาธารณะมากมาย (รวมทั้งประชาไท) ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองของท่านผู้นำนั้นกระทำการล่อแหลมต่อคุณธรรม ในหลายกรณี ยกตัวอย่างเช่น


ก่อนหมดวาระ มีการจัดงานมหกรรม "รากต้นไม้" ขน เอ๊ย... เชิญพี่ป้าน้าอาจากทุกสารทิศมาเที่ยวบางกอกกันล้นหลาม


ต่อมา ตอนที่ท่านผู้นำเดินทางไปหาเสียง ไม่รู้ว่าท่านชัวร์หรือมั่วนิ่ม ใช้พาหนะและนํ้ามันซึ่งเป็นภาษีอากรประชาชนไปตามจังหวัดต่าง ๆ ในภารกิจของหลวงปะปนกับของพรรค (แน่จริงจ่ายเองซี่) บางทีมีญาติมิตรชิดใกล้ ขี่เรือบินหลวงไปนั่งประชุมเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะกับข้าราชการซีสูง วาระการประชุมใช่เรื่องราชการรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะคนนั่งหัวโต๊ะไม่เกี่ยวอะไรกับหน่วยงานราชการแต่อย่างใด


หรือบางทีให้สมุน "มือฝา" เรียกประชุมข้าราชการระดับจังหวัด โดยมีผู้สมัครของพรรคไปนั่งหน้าสลอนในห้องประชุมด้วย เรื่องนี้พรรคฝ่ายแค้นร้องไป กกต. ผลการพิจารณาของ กกต. พาให้คนร้อง "ยี้" กันไปทั้งเมือง (ดังคาด)


ที่สำคัญ ในเรื่องของการใช้สื่อนี่ ท่านผู้นำและคณะ ล้วนมีความสามารถกันมาก เช่น ตอนที่ท่านผู้นำและคณะหมดวาระในเทอมแรกไปแล้ว พวกเขาพากันใส่เสื้อของพรรคขณะประชุมงานของชาติ โดยมีการถ่ายทอดกันไปทั่วประเทศ ถือว่าได้โฆษณาพรรคไปฟรี ๆ หลายนาที


นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์หลายฉบับก็ลงข่าวนินทากันขรมว่า บรรดางบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของหน่วยราชการต่าง ๆ ถูกนำขึ้นใช้เพื่อปลดเปลื้องความต้องการของท่านผู้นำและคณะพรรค เช่น เราจะเห็นหน้าตาของนักการเมืองมาชวนกินผักกินหญ้า หรือโฆษณากิจกรรมต่าง ๆ ที่ริเริ่มโดยท่านผู้นำ แต่ใช้ภาษีประชาชนมาโฆษณาให้ประชาชนชม ราวกับกลัวประชาชนจะไม่สำนึกในบุญคุณ


ช่วงเหตุการณ์ซึนามิ กระจอกข่าวทั้งไทยและเทศเขาก็เม้าธ์กันสนั่นว่า สื่อทั้งหลาย โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ถูกกำหนดไม่ให้นำเสนอกิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของพรรคฝ่ายแค้น ต้องเสนอแต่ข่าวของท่านผู้นำ ญาติท่านผู้นำ (ไม่รู้ไปทำอะไร) และคณะพรรคล้วนๆ


คนใต้ก็เลยตอบแทนด้วยการเลือกพรรคฝ่ายแค้นไปเกือบหมดทั้งภาค (ฮา)


จะว่าไป ท่านผู้นำและคณะก็ไม่ใช่คนใจแคบนัก แม้จะพูดฝ่ายเดียวทางวิทยุตอนเช้าวันหยุด และไม่ค่อยมีสุ้มเสียงของพรรคฝ่ายแค้นเล็ดลอดออกทางวิทยุแห่งชาติเท่าใดนัก


แต่เช้าวันที่ ๗ ก.พ. หลังเลือกตั้ง ๑ วัน วิทยุแห่งชาติมีข่าวพรรคฝ่ายแค้น โดยนำเสนอเป็นข่าวชิ้นแรกและชิ้นใหญ่ของวัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ ๔ ปีที่ผ่านมา (ยํ้า ในรอบ ๔ ปีที่ผ่านมาจริงๆ)


ข่าวชิ้นนั้นมีสาระว่า "หัวหน้าพรรคฝ่ายแค้น ออกมายอมรับพ่ายแพ้การเลือกตั้ง"


ข่าวใหญ่ ข่าวดี จริงๆ (ฮา)


เรื่องข้างต้นแบบนี้ กกต. อาจเวิร์คไม่ออก เพราะมันสีเทา ๆ ต่อการผิดกฎหมาย กกต.เขาถนัดเรื่องการสืบเอกสาร เช่น ผู้สมัครเรียนจบปริญญาตรีหรือยัง กรอกใบสมัครพรรคการเมืองใดหรือยัง (ฮา)


อย่างไรก็ตาม เราประชาชน อาจจะต้องช่วยกันตั้งเกณฑ์ให้สูง ๆไว้ว่า ผู้บริหารนอกจากจะต้องสะอาดต่อกฎหมายแล้ว ยังน่าจะต้องสะอาดในเชิงคุณธรรมให้มาก ๆ ด้วย


ขอจบเรื่องวันนี้ด้วยเรื่องของ อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปี ๒๕๐๗ ขณะเป็นผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย อาจารย์ไปทำงานเป็นคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ด้วย


ระเบียบราชการตอนนั้น ข้าราชการจะทำงาน ๒ แห่งก็ได้ แต่ต้องรับเงินเดือนแห่งหนึ่งเต็มอัตรา อีกแห่งหนึ่งครึ่งอัตรา อ.ป๋วย เลือกรับเงินเดือนคณบดีเต็มอัตรา ๘,๐๐๐ บาท และ ผู้ว่าธปท.ครึ่งอัตราที่ ๒๕,๐๐๐ บาท แทนที่จะเลือกกลับกัน


ที่เลือกเล่าเรื่องนี้ เพื่อที่จะให้เด็ก ๆ ได้เห็นว่า ผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมนั้น (พอจะ) มีอยู่จริง ๆ