Skip to main content

เสรีภาพของสื่อ ไม่มีในประเทศนี้(จริงๆ)หรือ?

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


 


 


 


อดใจไม่ได้จริงๆ ที่ต้องนำเอารูปป้ายโฆษณาหนังจีนเรื่องหนึ่งของช่องไทยทีวีสีช่อง 3 มาเขียนลงคอลัมน์  คราวนี้  เจตนาของผู้เขียนไม่ได้ต้องการโปรโมทหนังเรื่องนี้แต่ประการใด 


 


ยอมรับว่า ครั้งแรกที่ได้ยินสปอตโฆษณาหนังเรื่องนี้ทางโทรทัศน์สะดุดหู สะดุดตาผู้เขียนเป็นอย่างมาก และยังยอมรับอีกว่าผู้คิดก็อปปี้ประสบความสำเร็จในการเรียกความสนใจของคนรับสารทางบ้านได้เป็นอย่างดี  ผู้เขียนถึงกับอึ้ง อึ้งแบบพูดไม่ออกว่าคนคิดโฆษณาชิ้นนี้ได้อย่างไร   ถึงแม้วิเคราะห์ตามทฤษฎีทางการสื่อสาร คนคิดก็อปปี้เค้าได้ดึงเอาประเด็นที่เรียกกันว่า "Human Interest" ในการทำข่าว หรือการสร้างความสนใจให้กับตัวสินค้า โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องทางเพศมาเชื่อมโยงกับสินค้าได้ดีเพียงใดก็ตาม


 


ก่อนที่จะเขียนเรื่องนี้ก็พยายามหาเหตุผลต่างๆ มาสนับสนุน  และคิดแทนผู้อยู่เบื้องหลังโฆษณาชิ้นนี้อยู่นาน ว่าเพราะอะไร เขาถึงเลือกใช้ข้อความแบบนี้  เท่าที่คิดได้ก็คงเป็นเหตุผลที่ต้องการสร้างความน่าสนใจให้กับหนังเรื่องดังกล่าวเป็นหลัก โดยใช้วิธีการหรือกลยุทธ์ใดๆ ก็ได้ ที่สะดุดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายโดยที่ไม่ได้บอกรายละเอียดหรือเนื้อหาคร่าวๆ ของตัวหนังเลยว่า มีความเชื่อมโยงกันอย่างไรกับก็อปปี้ที่ใช้โปรโมทหนัง และการไม่ได้อธิบายหรือแสดงตัวอย่างหนังคร่าวๆ ให้ผู้รับสารอย่างเราๆ ได้ทราบว่า  แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาที่ส่อไปในเรื่องการมีพฤติกรรมทางเพศแต่อย่างใดเลย  ก็ยิ่งทำให้ผู้เขียนเข้าใจเจตนาของคนทำโฆษณาชิ้นนี้ได้ชัดเจนขึ้นว่าต้องการใช้ความหมายแบบสองแง่สองง่ามให้น่าสนใจแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดถึงความรับผิดชอบต่อสังคมเลยแม้แต่น้อย


 


นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการแสดงพฤติกรรมความไม่รับผิดชอบของคนทำสื่อ ผู้เขียนคงไม่ได้คิดมากไปเอง การใช้ประโยคว่า "พบเรื่องจริงของหญิง ที่ใช้ลิ้นจนได้ดี"   มันแสดงถึงพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ มากกว่าการนำเอาเรื่องความอ่อนหวาน อ่อนโยนของเพศหญิง หรือความเข้มแข็งของเพศชายมาเป็นจุดขายตามที่ควรจะเป็น 


 


เรื่องนี้ทำให้มองเชื่อมโยงไปถึงเรื่องสิทธิและเสรีภาพของคนทำสื่อ  การที่คนในแวดวงสื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์  อินเตอร์เน็ต ฯลฯ  ออกมาเรียกร้องกันปาวๆ เรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อที่ควรจะพึงมีเต็มที่ในสังคมระบอบประชาธิปไตย (เต็มใบ?!)  เช่น บ้านเรา  ป้ายโฆษณาเช่นนี้ที่ติดอยู่เกลื่อนกลาดตามทางด่วน อาคารต่างๆ  รวมทั้งแวะเวียนเข้ามาให้เราได้บริโภคกันตามหน้าจอโทรทัศน์ในบ้าน ยังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นได้อีกหรือว่าสื่อประเทศเรามีสิทธิเสรีภาพมากน้อยเพียงใด


 


สิทธิเสรีภาพต้องมาคู่กับสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม  ตัวอย่างสื่อชิ้นนี้ถือว่าเป็นสื่อที่ไม่ได้มีสำนึกดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย น่าเป็นห่วงมากนะคะว่า หากคนทำสื่อมัวแต่มุ่งสร้างสารให้น่าสนใจเพื่อการแข่งขันกันในเชิงธุรกิจแต่ไม่ได้ใส่ใจถึงผลเสียของสังคมที่ได้รับจากสื่อเลย         ผู้ที่เป็นจำเลยของสื่อลักษณะนี้ก็คงไม่พ้นคนรับสารที่ยังอาจไม่มีวิจารณญาณในการรับสื่อ หรือไม่เท่าทันสื่อ  


 


กรณีนี้คนผลิตสื่อคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุของปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นกับคนในทุกระดับชั้น ทุกเพศทุกวัยในปัจจุบันส่วนหนึ่งก็คงเกิดมาจากปลายปากกา หรือคำพูดของคนทำสื่อที่มีเสรีภาพมาก (เกินไป)และขาดสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง